ไทยจ่อใช้วัคซีนโควิดจากโปรตีนพืช ทดสอบในหนู-ลิง พบยับยั้งไวรัสได้

จ่อใช้วัคซีนโควิดจากโปรตีนพืช หลังทดสอบในหนู-ลิง พบมีภูมิคุ้มกันสูง ยับยั้งไวรัสได้ ไม่มีผลข้างเคียง มุ่งทำโรงงานวัคซีนผลิตเองในประเทศ

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ล่าสุดประเทศไทยมีความก้าวหน้าในการทดลองวัคซีนโควิด-19 มีความหวังที่จะนำมาใช้ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 หลังจากที่บริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทย ประสบความสำเร็จวัคซีนโควิด-19 สร้างภูมิคุ้มกันในลิงทั้งระบบแอนติบอดี้ และการกระตุ้นระบบเซลล์

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทย โดยนักวิจัยไทย บริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม สามารถพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำจากใบยาพืช โดยการใส่รหัสพันธุกรรมที่กำหนดการสร้างโปรตีนของไวรัสและภายใน 1 สัปดาห์ พืชจะสร้างโปรตีนที่ต้องการ ทั้งนี้ลักษณะโครงสร้างและลำดับของโปรตีนไม่ได้ผิดเพี้ยนไป เมื่อเทียบกับการสร้างวัคซีนด้วยกลวิธีอื่นๆ

“วัคซีนใบยาผ่านการทดสอบในหนูและในที่สุดในลิง ด้วยการฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ และลิงมีความปลอดภัยไม่ปรากฏมีผลข้างเคียง ผลเลือดในลิง ค่าเอนไซม์ตับปกติ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวปกติ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวและว่า

สิ่งที่น่ายินดีก็คือ ลิงมีระดับภูมิคุ้มกันสูงมาก ที่เรียกว่า Neutralizing antibody ซึ่งสามารถยับยั้งไวรัสได้ ทั้งนี้ทำการตรวจสอบด้วยการวัดระดับจากการตรวจทาง Elisa surrogate isotype independent virus neutralizing antibody และจากการทดสอบในการยับยั้งไวรัสจริงในเซลล์

ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ กล่าวต่อว่า เซลล์ของลิงจากการกระตุ้นด้วยเปปไทด์พบว่ามี ค่าการสร้าง IFN gamma แสดงว่ามีกระตุ้น T cell ได้ และลิงมีความปลอดภัยไม่ปรากฏมีผลข้างเคียง ผลเลือดในลิง ค่าเอนไซม์ตับปกติ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวปกติ

ทั้งนี้จุดเด่นก็คือวัคซีนที่ทำจาก “ใบยา” พืชไม่ได้มีกระบวนการยุ่งยากใดๆ แม้จะผลิตเป็นล้านโด๊ส โดยที่สามารถยกระดับจากการผลิตในห้องทดลองเพื่อเป็นระดับอุตสาหกรรมได้ทันทีทั้งนี้อยู่ที่ขั้นตอนโปรตีนบริสุทธิ์ที่นำมาฉีดในคน

“เป้าหมายตอนนี้คือทำโรงงานวัคซีน เพื่อผลิตเองในประเทศ ในตารางแสดงให้เห็นถึงการใช้วัคซีนในขนาดต่างๆโดยที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองที่ยับยั้งไวรัสได้ และเมื่อเทียบกับลิงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนในกลุ่มสุดท้าย ถึงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศมีความภาคภูมิใจกับการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ที่ทำเองทุกขั้นตอน โดยไม่ได้อาศัยต่างชาติ ไม่ต้องกังวลเรื่องสิทธิบัตร เมื่อนำมาใช้จริงและสามารถผลิตปริมาณเพิ่มจำนวนได้มหาศาล ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์

แต่ถ้าใช้โรงงานที่มีอยู่แล้วเช่น สยามไบโอซายน์ ของมหาวิทยาลัยมหิดล สามารถปล่อยทดสอบในคนได้ภายใน 3 เดือน แต่ถ้าสร้างโรงงานจะได้ภายใน 9 เดือน และสามารถขยายกำลังการผลิต (สเกล) ให้เป็นหลาย 10 ล้านโด๊ส ภายในเวลาอันรวดเร็ว” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

 


ที่มา ; ข่าวสด