ศบค. แถลงพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 14 ราย ในปท.เพิ่ม 2 ราย อยู่ในกทม.

นายแพทย์ทวีศิลป์-โฆษก ศบค.
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.

ศบค. แถลงผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่วันนี้ (6 ธ.ค.) เพิ่มอีก 14 ราย ติดเชื้อในปท.เพิ่มอีก 2 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย ไม่เข้าสถานที่กักกัน 2 ราย โดยผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นคนไทย 2 ราย จาก กทม. เข้ารักษาตัวที่ รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน และ รพ.เอกชน ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกจ่อ 67 ล้านรายแล้ว

วันที่ 6 ธันวาคม  2563 เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่วันนี้เพิ่มอีก 14 ราย โดยเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2 ราย ในกทม. เข้ารักษาตัวที่ รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน และ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง

นอกจากนี้เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศไม่เข้าสถานที่กักกัน 2 ราย มาจากเมียนมา  และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 10 ราย

สำหรับ 10 รายมาจากต่างประเทศ มาจากเบลเยียม1ราย ยูเครน1ราย ซาอุฯ2ราย สหรัฐ 1 ราย กาตาร์ 1 ราย สวีเดน 1 ราย ญี่ปุ่น 1ราย เมียนมา 2 ราย และสหราชอาณาจักร 1 ราย

สรุปตัวเลขผู้ป่วยในประเทศยืนยันสะสม 4,086 ราย ขณะที่มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวม 66,847,041 ราย

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า สถานการณ์ ณ ปัจจุบันยังไม่น่ากลัว ในทางการแพทย์ก็ประมาณหนึ่ง ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก ถ้าเทียบจากช่วงเริ่มต้น แต่สิ่งที่น่ากังวลส่วนใหญ่เกิดขึ้นในวัยหนุ่มสาว และไม่มีอาการ แต่ที่เรากังวลใจก็คือ ถ้าไปติดในคนสูงอายุอาจจะทำให้เกิดอาการมากขึ้นได้

สำหรับ 5 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดก็ยังเป็นสหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิล รัสเซีย และฝรั่งเศส ส่วนไทยอยู่อันดับ 151 ของโลก ตัวเลขคงที่มาสักพัก

สธ.เผยไทม์ไลน์สาวโควิด อายุ 26 ปี จากท่าขี้เหล็กถึงกทม.

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ คือ หญิงไทยอายุ 26 ปี มีประวัติร่วมกับชายไทยอายุ 30 ปี ซึ่งเป็นสาวสอง(แถลงข่าววันที่ 5 ธ.ค.) โดยทั้งสองคนเดินทางไป จ.เชียงราย 6 พ.ย.และข้ามไปสถานบันเทิงท่าขี้เหล็กในช่วงวันที่ 6-27 พ.ย. และกลับมาไทยวันที่ 27 พ.ย.พักด้วยกัน และวันที่ 28 พ.ย.ซื้อของที่ตลาด และเย็นไปเดินถนนคนเดิน

ส่วนวันที่ 29 ผู้ชายให้ข้อมูลว่าไปเดินที่วัดพระธาตุดอยเวา และกินข้าวร้านตามสั่ง ในตลาดแม่สาย ซึ่งไปพร้อมกับผู้หญิง โดยผู้หญิงเดินทางกลับ กทม.โดยสายการบินไทยสไมล์ WE137 และใช้บริการแท็กซี่สนามบินไปส่งโรงแรมที่ กทม. ส่วนผู้ชายวันที่ 30 พ.ย. อยู่ จ.เชียงราย แต่มีไข้ต่ำๆ ได้เรียกแท็กซี่ไปสนามบินเชียงราย แต่สวมหน้ากาก เพื่อเดินทางไปกทม.ด้วยสายการบินไทยไลออนแอร์ เที่ยวบิน SL545 เวลา 19.05-20.00 น. และเรียกแท็กซี่กลับบ้าน โดยทั้ง 2 คนเมื่อถึงกทม.(30 พ.ย.-3 ธ.ค.) อยู่ในที่พักเป็นส่วนใหญ่

โดยวันที่ 4 ธ.ค. ผู้ชายได้เดินทางมาตรวจเชื้อที่เวชศาสตร์เขตร้อน และพบเชื้อโควิด ส่วนเพื่อนผู้หญิงก็เดินทางไปเป็นเพื่อน แต่มีอาการวันรุ่งขึ้น โดยมาตรวจในวันที่ 5 ธ.ค. และพบเชื้อโควิด สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยทั้งสองรายนั้นพบ 15 ราย แบ่งเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 10 ราย โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นผู้สัมผัสในชุมชน 4 ราย คือ ที่เชียงราย 2 ราย และปทุมธานี 1 ราย ส่วนผู้สัมผัสในยานพาหนะมี 1 ราย คือ เชียงราย ที่เป็นคนขับแท็กซี่ไปสนามบิน ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอยู่ระหว่างเฝ้าระวัง

ยันยังไม่ใช่การระบาดระลอกสอง

ส่วนกรณีผู้สัมผัสกับผู้ป่วยเพศหญิงอายุ 51 ปี จ.สิงห์บุรี มีผู้สัมผัสรวม 227 ราย พบกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง 32 ราย คือ ผู้ร่วมบ้าน 3 ราย มีสามี พ่อ แม่ผู้ป่วย เพื่อนร่วมงาน โรงงาน จ.อ่างทอง อีก 25 ราย ร้านตัดเสื้อ 1 ราย จนท.ประกันสังคมอ่างทอง 3 ราย ผลตรวจทั้งหมดเป็นลบ อยู่ระหว่างรอตรวจครั้งที่ 2 ส่วนกลุ่มเสี่ยงต่ำมี 195 ราย อยู่ระหว่างเฝ้าระวัง

สำหรับการนั่งบนเครื่องบินของผู้ป่วยอายุ 51 ปี เที่ยวบินนกแอร์ DD8717 วันที่ 28 พ.ย. 2563 พบว่าผู้ป่วยรายนี้นั่งไกลจากผู้ป่วยเคสพิจิตร ซึ่งถือว่านั่งไกลบนเครื่องบิน ห่างกัน 8 แถว โดยทุกคนสวมหน้ากากเมื่ออยู่บนเครื่องบิน

อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดที่แม่ฟ้าหลวง จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยสิงห์บุรีอยู่ในพื้นที่เดียวกับผู้ป่วย จ.พิจิตร จากข้อมูลน่าจะมีช่วงเวลาหนึ่งไปห้องน้ำเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งก็ต้องสอบสวนเพิ่มเติมว่า จุดเสี่ยงอยู่บริเวณใด

“สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ยังไม่อยู่ในการระบาดระลอกสอง เนื่องจากผู้ติดเชื้อเกือบทุกรายเดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วน 2 รายที่ติดในประเทศไทยก็เป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไม่มีการแพร่เชื้อต่อจากคนติดเชื้อในประเทศไปยังผู้อื่น ซึ่งถือว่าติดเชื้อจำกัดมาก อันนี้เราคาดอยู่แล้วว่าเป็นไปได้ ในกรณีนี้เราก็สามารถระบุต้นเหตุและแหล่งรับเชื้อได้ในระดับหนึ่ง และไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องที่ผู้เดินทางจากท่าขี้เหล็กกลับไปภูมิลำเนา” นพ.โสภณ กล่าว

สธ.แจ้งผู้เดินทาง 4 เที่ยวบินสังเกตอาการ-พบแพทย์

วันเดียวกัน(6 ธ.ค.63) เพจกระทรวงสาธารณสุข ประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่เป็นผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางมากับ 4 เที่ยวบินที่พบผู้ติดเชื้อโควิดโดยสารมาด้วยกัน ให้สังเกตตัวเองเป็นเวลา 14 วัน หากพบอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์หรือโทรแจ้ง 1422 หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด สำหรับเที่ยวบินดังกล่าวได้แก่

1. สายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD8717 วันที่ 28 พ.ย. 63 เวลา 13.40 น.
2. สายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบิน SL533 วันที่ 29 พ.ย. 63 เวลา 10.40 น.
3. สายการบิน Thai Smile เที่ยวบิน WE137 วันที่ 29 พ.ย. 63 เวลา 20.30 น.
4. สายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบิน SL545 วันที่ 30 พ.ย. 63 เวลา 19.15 น.

นายกฯกำชับสร้างความเชื่อมั่นท่องเที่ยวปลายปี

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย หลังได้รับรายงานการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยขอให้ทุกภาคส่วนคุมเข้มในมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ติดติดตามตัวผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และย้ำถึงมาตรการเพื่อเฝ้าระวังคนกลุ่มเสี่ยงสัมผัส

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว ทั้งช่วงหยุดยาวระหว่างวันที่ 10 -13 ธ.ค. เทศกาลคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ โดยคาดหวังให้ประชาชนท่องเที่ยวด้วยความสบายใจ ปลอดภัยจากโรคระบาด

นอกจากนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุขและนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เตรียมลงพื้นที่จ.เชียงราย ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ภายหลังพบผู้ติดเชื้อในประเทศ โดยจะเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค อ.แม่สาย และ ด่านพรหมแดน อ.แม่สาย สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ แห่งที่ 2 และมีกำหนดการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของ Local Quaran Tine ณ โรงแรมแม่โขงเดลต้า ก่อนไปยังตลาดสดบ้านดู่

ซึ่งนอกจากเพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชนแล้ว ยังเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักในเวลานี้ด้วย

ผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศ 6ธันวาฯ

สรุปสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563 เวลา 11.00 น.
-ผู้ป่วยรายใหม่ 14 ราย
-ผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,086 ราย
-หายป่วยแล้ว 3,853 ราย
-เสียชีวิตสะสม 60 ราย

สรุปสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก
วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563 เวลา 09.00 น.
-ยอดผู้ติดเชื้อรวม 66,847,041 ราย
-อาการรุนแรง 106,022 ราย
-รักษาหายแล้ว 46,235,090 ราย
-เสียชีวิต 1,534,344 ราย

อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด
1. สหรัฐอเมริกา 🇺🇸 จำนวน 14,983,425 ราย
2. อินเดีย 🇮🇳 จำนวน 9,644,529 ราย
3. บราซิล 🇧🇷 จำนวน 6,577,177 ราย
4. รัสเซีย 🇷🇺 จำนวน 2,431,731 ราย
5. ฝรั่งเศส 🇫🇷 จำนวน 2,281,475 ราย

ประเทศไทย 🇹🇭 อยู่ในอันดับที่ 151 จำนวน 4,086 ราย

ผู้ติดเชื้อโควิด-6ธันวาคม

ผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลก-6ธันวาคม