สาธารณสุข แจงอาการ “หลอดเลือดแดงใหญ่ โป่งพอง-แตก” ร้ายแรงสุด “ไม่มีอาการ” เหมือนระเบิดเวลาในตัวผู้ป่วย
วันที่ 26 มีนาคม 2564 รศ.(พิเศษ) ทวี โชติพิทยสุนนท์ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ แถลงข่าวชี้แจงถึงกรณีมีผู้ป่วยเกิดอาการเส้นเลือดในท้องโป่งพอง แตก จนทำให้เสียชีวิต หลังจากได้รับวัคซีนโควิด-19 โดยยืนยันว่า การเสียชีวิตไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
- สธ. แจงกรณีผู้ป่วยฉีดวัคซีนโควิด-19 เสียชีวิต
- สธ. พบคนไข้เส้นเลือดโป่งพองในท้อง เสียชีวิตรายแรก หลังรับวัคซีนโควิด-19
จากนั้น รศ.(พิเศษ) ทวี ได้อธิบายถึงโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ระบุว่า หัวใจจะมีเส้นเลือดแดงใหญ่ เป็นท่อหลักซึ่งมีขนาดใหญ่มาก และจะแตกแขนงไปเลี้ยงสมอง เลี้ยงแขนขา โดยจะพาดไปที่ช่องท้อง ช่องอก และไปแตกแขนงอยู่ที่ขาทั้งสองข้าง
ปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรค
โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ถือเป็นความผิดปกติที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเกิด ดังต่อไปนี้
- กลุ่มผู้มีอายุมาก พอมีอายุมากขึ้น เนื้อเยื่อก็มีการเสื่อมสลายไป ความแข็งแรงจะลดลง
- เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ โรคความดันสูง
- มีความเสี่ยงจากไขมันในเลือดสูง คนที่สูบบุหรี่
- มีอยู่ส่วนน้อยที่เป็นความพิการตั้งแต่กำเนิด
เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า โรคนี้ เหมือนระเบิดเวลาที่ซ่อนอยู่ในตัวผู้ป่วย ปัญหาใหญ่ที่สุดของโรคนี้คือ ไม่มีอาการ เพราะหากมีการแสดงอาการสักหน่อย จะสามารถรู้และไปตรวจโรคเพื่อรักษาได้ทัน
การรักษา
การรักษาของโรค คือ หากพบว่า เป็นเพียงก้อนเล็ก ๆ ก็ให้เฝ้าระวังต่อไป และก็ลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ส่วนหากพบว่าเป็นก้อนใหญ่ ต้องผ่าทันที เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะรอดจากโรคนี้มี แต่ไม่มาก เพราะเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่เป็นท่อหลักมันแตก และความดันสูงมาก เลือดจะไหลออกอย่างรวดเร็ว
อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน
รศ. (พิเศษ) ทวี ได้ย้ำในเรื่องของผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีน ระบุว่า การอาการใด ๆ เกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีน ถือว่าเป็นอาการไม่ถึงประสงค์ทั้งนั้น แต่จะเกิดจากวัคซีนหรือไม่ ทางแพทย์จะเป็นคนพิจารณาอีกครั้ง
ส่วนอาการข้างเคียงที่เกิดหลังจากฉีดวัคซีน มี 2 ชนิด ด้วยกัน คือ ชนิดรุนแรง และชนิดไม่รุนแรง
นพ. (พิเศษ) ทวี ยกตัวอย่างวัคซีน “ซิโนแวก” จากการศึกษาวิจัยในระยะที่ 3 พบว่า ผลข้างเคียงชนิดที่ไม่รุนแรง เกิดขึ้น 20-30% ของคนที่ฉีดวัคซีน
ในขณะที่ ผลข้างเคียงรุนแรง พบประมาณ 0.7% ซึ่งในกลุ่มที่ฉีดวัคซีนหลอกของซิโนแวกเนี่ย พบผลข้างเคียงรุนแรง 0.8% เพราะฉะนั้นไม่ต่างกัน แสดงว่า วัคซีนที่ประเทศไทยนำมาใช้ มีความปลอดภัย