ศบค. จับตาเคส “สถานบันเทิง” 2 รายซ้อนติดโควิด โยง “นครปฐม-กทม.-เลย”

หมอทวีศิลป์-โฆษก ศบค.
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.

ศบค.จับตา กรณีติดเชื้อใน “สถานบันเทิง” 2 เคสซ้อน ทั้งที่นครปฐม และจ.เลย โยงสถานบันเทิงในกทม.ด้วย หวั่นคัมแบ็ค-แพร่กระจายเชื้อช่วงหยุดยาวสงกรานต์ ห่วงบุคลากร “แบ็คออฟฟิส” ที่ต้องดูแลคนป่วย ทั้ง พนักงานโรงแรม แม่บ้าน แม่ครัว ใน ASQ  ติดเชื้อเพิ่ม พร้อมเร่งกระจายวัคซีน ศึกษาเชื้อโควิดกลายพันธุ์

วันที่ 2 เมษายน 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างแถลงสถานการณ์ประจำวันว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 58 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 45 ราย และผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศ 13 ราย รวมป่วยยืนยันสะสมขณะนี้ 28,947 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม

สำหรับผู้ติดเชื้อในประเทศพบจากจังหวัดสมุทรสาคร 14 ราย กรุงเทพมหานคร 20 ราย และจังหวัดอื่น ๆ อีก 11 ราย

ผวาเคส “สถานบันเทิง” คัมแบ็ค ติด 2 รายซ้อน

ในจำนวนนี้มีเคสนี้เป็นกรณีของนักศึกษาที่มีการรายงานข่าวไปก่อนหน้า เป็นนักศึกษาอายุ 19 ปีที่ไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งโยงไปที่ “สถานบันเทิง” ที่นครปฐม และทางมหาวิทบาลัยได้ประกาศหยุดเรียนไปแล้ว

นอกจากนี้ยังมี กรณีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 รายที่ จ.เลย เป็นหญิงไทยอายุ 29 ปี ตรวจพบเชื้อที่โรงพยาบาลวังสะพุง จ.เลย มีความเชื่อมโยงกับสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนโรค

“ตอนนี้กลับมาอยู่ในสถานะที่เราเคยเจอมา คือสถานบันเทิง ซึ่งปีที่แล้ว เราเผชิญหน้ากับปัญหาด้านนี้ แล้วเราก็ใช้เวลาอยู่ช่วงหนึ่งในการควบคุม ณ ตอนนี้กลับมาอีกรอบแล้ว ฝากทุกท่านได้ให้ความสำคัญกับตรงนี้ด้วย” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว และว่า

ตอนนี้มีจ.เลยติดเชื้อรายใหม่ ดังนั้นจึงเหลือจังหวัดที่ยังไม่ติดเชื้ออยู่ 10 จังหวัด จึงขอให้ 10 จังหวัดที่เป็นสีขาวเหล่านี้ คงความขาวต่อไปเรื่อยๆ และก็ต้องขอบคุณ 10 จังหวัดนี้ด้วย

ห่วงบุคลากร “แบ็คออฟฟิส” ติดเชื้อเพิ่ม

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า จากการประชุมของศบค.วันนี้ได้มีการเสนอชุดข้อมูล มีการวิเคราะห์ พบว่าบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อด้วยในสถานที่กักกันที่เป็นASQ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจของระบบหรือเปล่า เพราะเราใช้ระบบของโรงแรมทั้งหลายเป็นที่กักกัน และตอนนี้ก็ยิ่งมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งในที่ประชุมศบค.ก็ได้รับรายงานจากกรมควบคุมโรค จากผู้ทรงคุณวุฒิว่า เหตุการณ์ของการติดเชื้อที่เป็นกลุ่ม มี 2 เหตุการณ์แล้ว เอามาเปรียบเทียบกัน โดยเฉพาะ ASQ ที่เป็นสถานที่กักกัน พบว่า ในกลุ่มแรกคือ 5 รายเป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข คงจำกันได้ปีที่แล้วเป็นกลุ่มของคนที่มาจากรพ.เอกชน ซึ่งไปทำงานใน ASQ ถึง 3 แห่ง ก็มีการติดเชื้อขึ้นมา เป็นหญิง 4 คน ชาย 1 คน

แต่ครั้งนี้เกิดขึ้น 5 ราย เหมือนกัน แต่เป็นพนักงานโรงแรม เป็นแผนกอาหาร เป็นแม่ครัว ซึ่งเกิดขึ้นจากการเข้าไปทำงานในโรงแรมที่เป็น ASQ ที่มีการติดเชื้อมาแล้วอีก 1 แห่ง เพราะฉนั้นตรงนี้ ไม่ได้เพ่งเป้าเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ที่เข้ามา แต่ตอนนี้เป็นพนักงานในเรื่องของครัว พูดง่ายๆ คือแบ็ค ออฟฟิส ทั้งหลายก็ต้องให้ความสำคัญกับตรงนี้ด้วย

เร่งศึกษา-ทำความเข้าใจเชื้อกลายพันธุ์

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่เราให้ความสำคัญคือ “การติดเชื้อที่กลายพันธุ์” โดยเฉพาะที่มาจากแอฟริกาใต้ ก็ให้ไปศึกษาในเรื่องนี้ ซึ่งทางกรมควบคุมโรคได้ศึกษาขึ้นมาพบว่า มีการติดเชื้อในกลุ่มที่เรียกว่า เป็น SAR-COV-2 สายพันธุ์ของแอฟริกาใต้ เป็นสัญชาติไทย 10 ราย กลับมาจากต่างประเทศ ใน 3 ประเทศหลัก หรือแทนซาเนีย ยูเออี และโมซัมบิก

ในกลุ่มนี้เมื่อนำมาวิเคราะห์พบว่าไม่มีอาการครึ่งหนึ่ง มีอาการครึ่งหนึ่ง และเป็นชายมากกว่าหญิง และส่วนใหญ่ที่มีอาการคือมีไข้ เสมหะ  ออกผื่น ซึ่งก็เป็นอาการที่คุ้นเคยกัน โดยส่วนใหญ่ก็จะเกิดอาการแรกๆที่เข้ามา คือคนไทยที่เข้ามาไม่ได้มีการตรวจโควิดฟรี เพราะฉนั้น 8 รายนี้เจอตั้งแต่วันแรกเลย อีก 2 รายไปเจอเอาวันที่ 5 ที่เข้ามา

เพราะฉนั้นสิ่งทีเราจะได้เห็นภาพของการเกิดโรค อาการเหล่านี้ ก็จะทำให้เราเข้าใจโรคมากยิ่งขึ้น และควบคุมได้ดียิ่งขึ้น

“ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้เราต้องคงการกักตัว 14 วัน สำหรับประเทศที่มีการประกาศว่า มีการติดเชื้อของกลุ่มที่มีเชื้อกลายพันธุ์ทั้งหลาย ซึ่งอันนี้ก็ได้กราบเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ เพื่อทำความเข้าใจ” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว และว่า

เร่งกระจายวัคซีน-ฉีดไปแล้ว 2 แสนโดส

อีกเรื่องหนึ่งที่ทางศบค.ให้ความสำคัญคือ “การกระจายวัคซีน” ทางทางกระทรวงสาธารณสุข ทั้งท่านรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงสาธารณสุขคุยเรื่องนี้กันทุกวัน เพื่อที่จะได้มีการจัดสรรเรื่องของวัคซีน

ล่าสุดก็มีการใช้คำว่า “สามเหลี่ยมเขยื้อนวัคซีน” เป็นการประกาศยุทธศาสตร์ให้กับพี่น้องชาวสาธารณสุขได้นำไปสู่กระบวนการขับเคลื่อนวัคซีนตอนนี้เข้ามาใหม่อีก 8 แสนโดส ซึ่งไม่ได้มีตกค้างแต่อย่างใด ตอนนี้จัดสรรไปแล้ว 3.2 แสนโดส ออกไปอยู่ที่ 7 จังหวัด (ตามตาราง)

ส่วนตอนนี้ฉีดไปแล้ว ตัวเลขสะสมฉีดไปกว่า 2 แสนโดสแล้ว ทั้งเข็ม1 และเข็ม 2 ตอนนี้หลายคนฉีดเข็มที่สองไปแล้ว

ส่วนการกระจายวัคซีน ทางท่านนายกฯได้สั่งทีมโฆษกฯได้ติดตามตัวเลขและให้มาบอกพี่น้องประชาชนด้วยว่า เรื่อวนี้นอกจากจะต้องรายงานการทำงานของพวกเราแล้ว สิ่งสำคัญเราได้รับความร่วมมือขจากพี่น้องประชาชนโดยส่วนใหญ่เป็นแสนคนแล้วที่มารับการฉีดวัคซีน

ส่วนข่าวที่มีอาการแพ้ทั้งในต่างประเทศและของคนไทย และทำให้เกิดความเข้าใจว่าถึงตายเชียวหรือ แล้วจับภาพติดตา อย่างกรณีของคุณหมอที่มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว และมีการแตกของเส้นเลือดกลางตัว อันนี้ก็ไม่ใช่ และล่าสุดข่าวของพระสงฆ์ก็อยู่ในระหว่างการหาสาเหตุกันอยู่

“สรุปเรื่องที่น่ากังวลใจในตอนนี้ กลับมาที่เรื่องใกล้ตัวคือเรื่องของสถานบันเทิง ตลาดสดยังต้องดูแลกันอย่างดี ตอนนี้การติดเชื้อในครอบครัวก็เจอกันบ่อยขึ้น แคมป์คนงาน บริษัทต่างๆ” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวย้ำ และว่า

ฝากผู้ประกอบการ 3 ส่วน คือภาครัฐเราเข้มแข็ง ภาคเอกชน เข้มงวดกวดขัน และภาคประชาชนร่วมมือร่วมใจกัน ตรงนี้คือที่เราต้องการ ถึงแม้จะมีวัคซีน อย่างที่บอกว่ายังฉีดกันไม่ถึง 60% ก็ยังประมาทไม่ได้