ศบค. สั่งรื้อ “บทลงโทษ-ค่าปรับ” คนไม่สวมหน้ากากใหม่

ศบค.สั่งรื้อ “บทลงโทษ-ค่าปรับ” คนไม่สวมหน้ากากใหม่ ยกเคสนายกฯกับคนไม่ยอมเสียค่าปรับจนเรื่องไปถึงศาลเป็นตัวอย่าง สั่งให้กรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหาแนวทางและการบังคับใช้ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสังคม และไม่สร้างภาระให้ประชาชน และไม่ให้นำระเบียบของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติปี’63 มาบังคับให้ ขีดเส้นให้เสร็จใน 1 สัปดาห์

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) กล่าวระหว่างแถลงข่าวเรื่องการปรับพื้นที่การควบคุมของศบค.ใหม่ว่า ที่ประชุม ศบค. วันนี้เห็นชอบให้มีการดำเนินการตามที่ ศูนย์ปฏิบัติการบริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข (ศปก.สธ.) เสนอให้กำหนดแนวปฏิบัติสำหรับการบังคับใช้ ในการขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เพื่อป้องกันการแพร่โรค ให้มีความเหมาะสม และสามารถบังคับใช้ได้อย่างสอดคล้องกับสภาพความเป็นจจริงของสังคมและอย่างบูรณาการ

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนกรณีไม่สวมหน้ากาก ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอแนวทางแก้ไข “กรณีสืบเนื่องเกิดจากการที่ท่านนายกรัฐมนตรี เข้าประชุมและไม่สวมหน้า กากและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเปรียบเทียบปรับด้วยความยินยอม แต่มีกรณีที่ไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ปรับ และเรื่องต้องไปถึงศาล เลยกลายเป็นประเด็นเกิดขึ้น และทำให้มีความยุ่งยากตามมา”

ดังนั้นที่ประชุมศบค.วันนี้ จึงให้กรมควบคุมโรคเสนอต่อคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่ ออกระเบียบการเปรียบเทียบปรับกรณีไม่สวมหน้ากาก รวมถึงกรณีอื่นที่จำเป็นในสถานการณ์นี้ โดยยกเว้นไม่ให้นำระเบียบของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ของการเปรียบเทียบปรับปี 2563 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันมาบังคับใช้ โดยกำหนดอัตราการเปรียบเทียบปรับให้เหมะสมแก่กรณี และไม่สร้างภาระเกินสมควรแก่ประชาชน

พร้อมกำหนดขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อและผู้มีอำนาจเปรียบเทียบปรับให้สามารถดำเนินการได้โดยสะดวกและรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ รวมทั้งกำหนดมาตรการที่เหมาะสมก่อนดำเนินการเปรียบเทียบปรับ เช่น ตักเตือน หรือให้ไปทำสาธาณประโยชน์ เป็นต้น

“นายกฯรัฐมนตรีได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพูดคุยกัน ทั้งกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ให้ไปดำเนินการกำหนดแนวทางมา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ระหว่างนี้ให้มีการใช้ความเหมาะสมในขณะนี้ไปก่อน” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

นอกจากนี้ยังให้ส่วนราชการและหน่วยงานรัฐ เจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการภาคเอกชนพิจารณาดำเนินการ work from home มาตรการขั้นสูงสุดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อลดการรวมกลุ่มและการแพร่เชื้อด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรณีการถูกเปรียบเทียบปรับไม่สวมหน้ากากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกรณีชาวบ้านที่ไม่ยอมเสียค่าปรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือที่โรงพัก โดยให้ศาลเป็นผู้ปรับแทน มีการพูดคุยกันในกลุ่มทนายความ

ทั้งนี้ มีคำแนะนำว่า ชาวบ้านหรือประชาชนที่ไม่มีเงินค่าปรับสามารถปล่อยให้การดำเนินการทางคดีไปสู่ศาลได้ เพราะศาลท่านจะเมตตาและปรับแค่ 1 ใน 3 หรือ 2,000 บาท เท่านั้น ไม่ถึง 6,000 บาท ซึ่งชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ทราบข้อกฎหมาย ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับได้สูงขนาดนั้น (สูงสุดไม่เกิน 20,000บาท)

ดังนั้นเชื่อว่าแนวทางใหม่ที่ออกมาอาจจะมีขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก เช่นการตักเตือน หรือการให้ทำประโยชน์เพื่อสังคม หรือปรับในอัตราที่สอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบัน