กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยประสิทธิภาพป้องกันโควิด หลังฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็ม 1-2 ชี้ฉีดยังไม่ครบ 2 เข็ม ยังมีความเสี่ยงอยู่
วันที่ 28 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวการเฝ้าระวังเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ “เดลต้า (อินเดีย) และ เบต้า (แอฟริกาใต้)” นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้เปิดเผยถึงผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1-2 ในประเทศไทย (ข้อมูลล่าสุด วันที่ 25 มิ.ย.64) โดยกรมควบคุมโรค ได้นำเสนอข้อมูลในที่ประชุม EOC ของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อช่วงเช้า
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
นายแพทย์ศุภกิจ ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลจากการที่ได้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หรือ Real World Data ที่ได้จากการเฝ้าดูผู้ที่ได้รับวัคซีนจริง ไม่ใช่ข้อมูลในหลอดการทดลอง ซึ่งจะมีการสังเกตว่า มีอาการป่วยหรือการรับเชื้อโควิดได้มากน้อยเท่าไร หลังฉีดวัคซีน
“ข้อมูลนี้เป็นการวัดการติดเชื้อเลย ไม่ได้วัดอาการป่วยหรืออาการหนัก หรือจำนวนการเสียชีวิต แต่เป็นการวัดว่า การติดเชื้อโควิด เราพบแค่ไหน อย่างไร หลังฉีดวัคซีน”
ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า จ.ภูเก็ต หลังฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม เว้นระยะห่าง 14 วัน สามารถป้องกันโรคได้ 90.7% จากจำนวนผู้ป่วย 124 ราย จ.สมุทรสาคร สามารถป้องกันโรคได้ 90.5% จากจำนวนผู้ป่วย 116 ราย จ.เชียงราย ในเคสที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ สามารถป้องกันเชื้อได้ 82.8% จากจำนวนผู้ป่วย 43 ราย และพบว่าคนที่ไม่ได้ฉีด มีโอกาสพบเชื้อมากกว่าคนที่ฉีดแล้ว
ขณะที่ภาพรวมในส่วนของกรมควบคุมโรคเอง พบหลังฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มมากกว่า 14 วัน สามารถป้องกันโรคได้ 70.9% จากจำนวนผู้ป่วย 276 ราย แต่หากฉีดเข็มเดียวสามารถป้องกันได้ 39.4% ดังนั้นหากฉีดวัคซีนยังไม่ครบ 2 เข็ม ยังเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงอยู่
ส่วนวัคซีนจะสามารถป้องกันอาการป่วยหนัก หรือเสียชีวิตได้หรือไม่นั้น นายแพทย์ศุภกิจ ระบุว่า ขณะนี้กำลังดูข้อมูล และอาจจะต้องใช้ข้อมูลในช่วงเดือนมิถุนายนเพื่อติดตามกันต่อไป ซึ่งขณะนี้ในกรุงเทพฯ พบสายพันธุ์เดลต้าอยู่พอสมควร