ศบค.เจอคลัสเตอร์ใหม่ 2 แห่ง ติดโควิด 115 คน พบคน กทม.แพร่เชื้อ 32 จว.

แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์

ศบค.พบคลัสเตอร์ใหม่อีก 2 แห่ง 2 จังหวัด โรงงานไก่ที่นครปฐม และวิทยาลัยเทคนิคที่สระแก้ว ยอดผู้ติดเชื้อ 115 ราย ขณะที่ยอดติดเชื้อ กทม.ยังนำโด่ง 1,960 ราย เผยคนป่วยเดินทางออกจาก กทม.ทำเชื้อแพร่กระจายติดไป 32 จังหวัด “เหนือ-อีสาน-กลาง” ทำให้แต่ละจังหวัดต้องตรวจ-คุมเข้ม

วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดประจำวันว่า วันนี้สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 พบผู้ป่วยรายใหม่ 5,533 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 235,971 ราย หายป่วยแล้ว 183,276 ราย เสียชีวิตสะสม 1,986 ราย

ผู้ป่วยอาการหนัก-ใส่ท่อหายใจยอดพุ่ง

สำหรับผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล มีจำนวน 52,052 ราย อาการหนัก 1,971 ราย ในจำนวนนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 566 ราย

“จากที่ก่อนหน้านี้ตัวเลขผู้ป่วยอาการหนักอยู่ที่ระดับพันต้น ๆ ตอนนี้เพิ่มขึ้นไปเป็น 1,900 กว่ารายแล้ว ส่วนผู้ใส่ท่อช่วยหายใจก่อนหน้า ประมาณ 300-400 ราย ตอนนี้จากรายงานเพิ่มขึ้นเป็น 566 รายแล้ว ก็ยังคงน่าเป็นห่วง” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

ส่วนข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 264,834 ราย หายป่วยแล้ว 210,702 ราย เสียชีวิตสะสม 2,080 ราย ล่าสุดคือวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีผู้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 200,685 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 54,307 ราย และระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-30 มิถุนายน 2564 มีผู้รับวัคซีน สะสมทั้งหมด จำนวน 9,927,698 โดส

สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก ข้อมูล ณ วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 182,975,530 ราย อาการรุนแรง 79,223 ราย รักษาหายแล้ว 167,554,646 ราย และเสียชีวิต 3,962,781 ราย

ส่วนอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่

  1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 34,540,845 ราย
  2. อินเดีย จำนวน 30,410,577 ราย
  3. บราซิล จำนวน 18,559,164 ราย
  4. ฝรั่งเศส จำนวน 5,775,301 ราย
  5. รัสเซีย จำนวน 5,514,599 ราย

ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 72 ของโลก จากจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 264,834 ราย

10 จังหวัด กทม.ยังนำโด่ง 1,960 ราย

ขณะที่ 10 จังหวัด ที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันนี้ (1 ก.ค.) กทม.พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดถึง 1,960 ราย รวมสะสม 74,779 ราย สมุทรปราการ 435 ราย ปทุมธานี 321 ราย สมุทรสาคร 298 ราย สงขลา 272 ราย ชลบุรี 261 ราย นครปฐม 231 ราย นนทบุรี 224 ราย ปัตตานี 180 ราย และยะลา 136 ราย (ตามตาราง)

ส่วนผู้เสียชีวิตวันนี้ (1 ก.ค.) จำนวน 57 ราย มาจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) สูงถึง 34 ราย สมุทรปราการ 9 ราย ปทุมธานี 3 ราย นครปฐม นครนายก จังหวัดละ 2 ราย และ เชียงราย ชัยภูมิ สงขลา นครศรีธรรมราช นราธิวาส สมุทรสาคร สุพรรณบุรี จังหวัดละ 1 ราย

โรคประจำตัว และปัจจัยเสี่ยงยังคงมาจากโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคหัวใจ โรคอ้วน ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาจากบุคคลในครอบครัวถึง 20 ราย คนอื่น ๆ 12 ราย เดินทางไปพื้นที่ระบาด 13 ราย เป็นต้น (ตามตาราง)

“ในการสรุปของกรมควบคุมโรคสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ที่เสียชีวิตเป็นผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี ถึง 65% การติดเชื้อยังเน้นในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ซึ่ง 3 โรคหลักที่กรมควบคุมโรคสรุปให้เห็นภาพ คือ ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งตรงนี้คงต้องเน้นย้ำกับประชาชนว่า ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นโยบายการกระจายวัคซีน ศบค.ก็เน้นย้ำให้พื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีน เร่งระดมการฉีดวัคซีนในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง อายุเกิน 60 ปี และมีโรคประจำตัว 7 โรคหลัก”

จากตัวเลข ยอด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 พบว่าผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี จำนวน 12 ล้านคนทั่วประเทศ รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว 1.33 ล้านคน คิดเป็น 10.7% ซึ่งยังเป็นตัวเลขที่ต้องทำให้มากขึ้น ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยกลุ่มผู้มี 7 โรคหลัก 5.35 ล้านคน ฉีดวัคซีนไปแล้ว 6.8 แสนคน คิดเป็น 12.7% ซึ่งในเดือนกรฎาคมนี้ถ้ามีวัคซีนเพิ่มขึ้นก็จะระดมฉีด 2 กลุ่มนี้ให้มากขึ้น

คน กทม.เดินทางข้ามพื้นที่ ทำติดเชื้อกระจายไป 32 จังหวัด

“สำหรับ กทม. สำนักอนามัยแจ้งว่า วัคซีนที่จะฉีดในรอบวันที่ 5-11 กรกฎาคมนี้ มาถึงแล้ว ซึ่งถือว่ามาตามแผน และในเดือนกรกฎาคมนี้จะมาจำนวน 10 ล้านโดส ก็จะมีการรายงานเป็นระยะ ๆ” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ พบมาทางช่องทางธรรมชาติ จากเมียนมา 2 ราย ผลพบติดเชื้อ มีอาการ 1 ราย ไม่มีอาการ 1 ราย และจากกัมพูชา 9 ราย ผลพบเชื้อ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ

ทั้งนี้มีการรายงานว่า ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอาการตั้งแต่วันแรกที่ตรวจพบ ซึ่งหากไม่มีการสกัดจับได้ คาดว่าจะมีการแพร่กระจายไปยังครอบครัว คนใกล้ชิดของบุคคลเหล่านี้

แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าวว่า ในส่วนของ “ผู้ที่เดินทางข้ามพื้นที่”  พบว่าใน 1 สัปดาห์นี้ เป็นจำนวนคนที่เดินทางจาก กทม.และปริมณฑล ทำให้เกิดยอดการติดเชื้อไปยังจังหวัดปลายทางถึง 32 จังหวัด ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ทำให้ตอนนี้แต่ละจังหวัดออกประกาศอย่างเข้มงวด เช่น

แพร่ นครพนม ขอนแก่น ลำปาง อุตรดิตถ์ สกลนคร กาฬสินธุ์ เพชรบูรณ์ เลย พิษณุโลก นครราชสีมา สุรินทร์ มหาสารคาม อำนาจเจริญ

โดยแต่ละพื้นที่จะมีการประกาศให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวัง เข้มงวดสูงสุด ซึ่งช่วงนี้มีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านด้วย ก็จะต้องปฏิบัติตัวเหมือนเป็นผู้ติดเชื้อแล้วด้วยเช่นกัน ไม่สามารถที่จะไปพบปะสังสรรค์ จะต้องมีความรับผิดชอบส่วนตัวด้วย

พบคลัสเตอร์ใหม่อีก 2 จังหวัด “นครปฐม-สระแก้ว”

ส่วน “คลัสเตอร์ใหม่” วันนี้ จ.นครปฐม พบคลัสเตอร์ใหม่ที่ อ.ดอนตูม เป็นโรงงานไก่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 104 ราย และที่ จ.สระแก้ว มีรายงานพบคลัสเตอร์ใหม่ที่ อ.วังน้ำเย็น เป็นวิทยาลัยเทคนิค พบเมื่อ 30 มิ.ย. พบผู้ติดเชื้อ 11 ราย ซึ่งเราเคยมีการรายงานก่อนหน้านี้ที่นักเรียนกลุ่มนี้จบการศึกษา และมีการรายงานการติดเชื้อหลายจังหวัดด้วย เพราะอยู่ในช่วงที่ต้องเดินทางไปฝึกงานตามโรงงานต่าง ๆ

“ต้องเน้นย้ำ โรงงาน บริษัทต่าง ๆ กรณีที่ท่านรับคนเข้าทำงาน ก็จะต้องมีมาตรการองค์กรอย่างเข้มงวดด้วย และวันนี้ ศบค.ชุดเล็กยังได้มีการหารือถึงมาตรการของภูเก็ตแซนด์บอกซ์ด้วย ซึ่งก็ต้องเรียนว่าจังหวัดภูเก็ตทำการบ้านมาอย่างรอบคอบ”