หมอธีระแนะ เตรียมข้าวสาร-ยา-ของจำเป็นไว้ในบ้าน เลี่ยงกู้ยืมเงิน

หมอธีระ
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ แนะประชาชน เตรียมเสบียง ข้าวสาร สิ่งของจำเป็นไว้ในบ้าน วางแผนการลงทุน เลี่ยงกู้ยืมเงินโดยไม่จำเป็น

วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่มียอดผู้ติดเชื้ออยู่อันดับที่ 46 ของโลก และมีผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤตอยู่อันดับที่ 7 ของโลก แต่หากดูเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 1

รศ.นพ.ธีระ ระบุว่า หากประเมินสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ด้วยมาตรการที่ดำเนินการอยู่ สิ่งที่ควรเราควรเตรียมรับมือ มีดังนี้

1. การติดเชื้อใหม่จะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งใน กทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทั้งนี้ต่างจังหวัดในเขตเมืองจะมีมากขึ้น

2. จังหวัดหรือเกาะ ที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น การระบาดจะเริ่มเห็นเพิ่มขึ้น แต่มีแนวโน้มจะชัดเจนมากช่วงปลายสิงหาคม โดยปัจจัยหลักเกิดจากกิจกรรมกิจการต่าง ๆ ที่มีมากขึ้นในพื้นที่ ทำให้พบปะกัน สัมผัสกัน สังสรรค์กัน กระตุ้นให้การติดเชื้อแฝงในชุมชนที่มีอยู่เดิมนั้นขยายวงขึ้น ดังนั้นจึงต้องป้องกันตัวให้เข้มแข็ง ปรับรูปแบบการดำเนินกิจการกิจกรรมต่าง ๆ ให้เน้นความปลอดภัย

3. ด้วยจำนวนติดเชื้อใหม่รายวันมีมาก ระบบการดูแลไม่ว่าจะที่บ้าน ที่พักคอย ที่ รพ.สนาม หรือที่โรงพยาบาล ไม่มีทางเพียงพอ ดังนั้นบทบาทของชุมชนจึงมีความสำคัญอย่างมากที่จะประคับประคองดูแลคนในพื้นที่ ปัญหาการติดเชื้อภายในที่อยู่อาศัยจะยังมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเมินแล้วคาดว่า shortcut ที่จำเป็นต้องทำคือ การเปิดวัดและโรงเรียนเพื่อรับผู้ติดเชื้อจากบ้านมาอยู่ที่นี่แทน จึงจะมีโอกาสลดทอนการแพร่เชื้อภายในบ้านได้ โดยอาจต้องขอกำลังพระภิกษุและคุณครูมาเป็นผู้ช่วยดูแลกำกับหรือประสานงาน

4. เตรียมเสบียงและสิ่งของจำเป็นไว้ในบ้าน ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยาสามัญประจำบ้านไว้สัก 2-4 สัปดาห์ ก็จะเป็นประโยชน์ยามฉุกเฉิน การทบทวนสิ่งสำคัญ ข้อมูลสำคัญส่วนตัว และบันทึกไว้ในที่ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย หากไม่สบายและมีข้อจำกัดในการดูแลรักษาตัว ก็จะสามารถส่งต่อให้กับสมาชิกในครอบครัวได้โดยไม่ต้องกังวลหรือเป็นห่วง

5. วางแผนการใช้จ่าย ระมัดระวังเรื่องการลงทุน หลีกเลี่ยงการกู้ยืมเงินโดยไม่จำเป็นจริง ๆ และระวังมิจฉาชีพที่จะหลอกลวงด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งการค้าขาย การโฆษณาเกินจริง การล่อด้วยกิเลสให้เข้าถึงการรักษา หยูกยา รวมถึงวัคซีนต่าง ๆ