ผู้กำกับโจ้เปิดใจยอมรับผิด ยันต้องการรีดข้อมูล ไม่มีเจตนาฆ่าผู้ต้องหา

ผบ.ตร.แถลงขอโทษประชาชน ผู้กำกับโจ้โฟนอินเปิดใจ ไม่มีเจตนาฆ่าผู้ต้องหา ยอมรับผิดสิ่งที่เกิดขึ้น

วันที่ 26 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ และ ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา อดีต รอง สว.(ป.) สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้หลบหนี หลังมีพฤติการณ์ร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยการทรมาน นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนถึงแก่ชีวิต

ผู้กำกับโจ้ซูบหนัก ยันไม่ได้เรียก 2 ล้าน ผบ.ตร.แถลงข่าวจับกุม 3 ทุ่มคืนนี้

ต่อมาเวลา 18.45 น. ตำรวจชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวผู้กำกับโจ้ได้แล้ว ขณะหลบหนีอยู่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ก่อนนำตัวกลับมาสอบสวน และถึงที่กองบังคับการปราบปราบแล้ว

จากการสอบปากคำ ผู้กำกับโจ้ยืนยันว่าไม่ได้เรียกเงิน 2 ล้านบาทจากผู้ต้องหา เพียงแต่ต้องการถามหายาเสพติดเท่านั้น พร้อมขอโทษที่ทำให้ตำรวจภาพลักษณ์เสียหาย และเผยด้วยว่า ไม่มีใครพาหลบหนี แค่ตกใจเลยกลับไปตั้งหลัก

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถตามจับกุมตัว ร.ต.ท.ธรณินทร์ ลูกน้องอดีตผู้กำกับโจ้ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาอีกราย ภายหลังหลบหนีไปกบดานยัง จ.เพชรบุรี โดยทีมสืบสวนได้ควบคุมตัวมายัง จ.นครสวรรค์ เพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติม ทำให้ตอนนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกจับกุมตัวแล้ว

เวลา 21.00 น. มติชน รายงานว่า ในส่วนสำนวนคดี ส.ต.ต.ปวีกรณ์ คำมาเร็ว ผตห.ที่ 4 ตามคำร้องฝากขังหมายเลขดำ ฝ.อท.5/2564 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเพียงคนเดียว ด้วยเงินสด 900,000 บาท ส่วน พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง ผตห.ที่ 1 ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค ผตห.ที่ 2 ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น ผตห.ที่ 3 ตามคำร้องฝากขังหมายเลขดำ ฝ.อท.5/2564 และ ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ผตห.ตามคำร้องฝากขังหมายเลขดำ ฝ.อท.4/2564

โดยศาลจังหวัดนครสวรรค์ พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา ประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง ลักษณะการกระทำเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว หากให้ปล่อยชั่วคราวเชื่อว่าจะหลบหนี จึงไม่มีเหตุสมควรให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง

ผู้กำกับโจ้ขอรับผิดคนเดียว

มติชน รายงานว่า เวลา 21.30 พล.ต.อ.สุวัฒน์ได้แถลงขอโทษประชาชนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนอยากเรียนว่าการจับกุมหรือการรับมอบตัว ตำรวจพยายามทำให้สังคมเห็นว่า เราไม่เคยปกป้องคนกระทำผิด มันอาจไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่สูญเสียไปดีขึ้น แต่อย่างน้อยก็ให้เห็นว่าเราไม่เคยปกป้อง แล้วสังคมตำรวจจะอยู่ได้ด้วยความเชื่อมั่นของประชาชน

ที่ผ่านมาในนามของผู้นำองค์กร ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนที่เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ยืนยันว่าองค์กรตำรวจตรวจสอบได้ ไม่เคยมีตำรวจคนไหนทำผิดแล้วพ้นโทษหลบหนีไปได้ ส่วนใหญ่เราดำเนินการเกือบทั้งหมด ซึ่งไม่ว่าจะยศชั้นไหนเหมือนกัน ตั้งแต่ ผบ.ตร ถึงลูกแถว ถ้าทำผิดต้องถูกลงโทษ

จากนั้นผู้กำกับโจ้ได้โฟนอินตอบข้อซักถามสื่อมวลชนว่า ตนขอให้การในชั้นศาลแต่จะเล่าข้อเท็จจริง วันเกิดเหตุลูกน้องมาแจ้งตนว่าจับผู้ต้องหายาเสพติดมาได้ และเจอโทรศัพท์เพิ่งถ่ายรูปก่อนหน้านี้ 2 ชั่วโมง มีไอซ์ 1 กิโลกรัม และยาบ้าเกือบ 2 หมื่นเม็ด เห็นว่าเป็นเคสใหญ่จึงลงมาดู พยายามสอบถามแล้วผู้ต้องหาไม่ยอมบอกความจริง จึงทำไปโดยไม่ถูกต้อง

แต่สิ่งที่ทำเพื่อต้องการเอาข้อมูลยาเสพติดที่ทำลายพี่น้องประชาชนใน จ.นครสวรรค์ ส่วนลูกน้องนั้นตนสั่งเอง ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ลูกน้องไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและห้ามตนแล้ว เพราะตนเป็นนายสั่งลูกน้องก็ต้องทำ และไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง

เอาถุงพลาสติกครอบหัวเพราะไม่อยากให้เห็นหน้า

ส่วนที่เอาถุงพลาสติกครอบหัวนั้นเจตนาเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาเห็นหน้า และเขาเอามือพยายามฉีกถุง จึงเอามือพ่ายหลังไว้ ก่อนหน้าไม่เคยซ้อมทรมารผู้ต้องหา ครั้งนี้เป็นครั้งแรก สำหรับเงินหนึ่งล้านบาทนั้น ขอสาบานกับพระที่ห้อยคอว่าชีวิตรับราชการมาไม่เคยทุจริตเรื่องเงิน

ตอนที่ผู้ต้องหาสลบไปตนตกใจทำอะไรไม่ถูกจึงเอาผ้าเช็ดเพื่อให้เขาตื่น และจับชีพจรยังหายใจอยู่ จึงให้ลูกน้องช่วยซีพีอาร์ ก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งหลังจากน้องเสียชีวิตสาเหตุที่ไม่ได้ทำให้ข้อเท็จจริงถูกต้อง เพราะตกใจเลยปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร แต่ไม่มีการให้ผลประโยชน์กับพ่อผู้เสียชีวิต ให้อย่างเดียวคือช่วยทำบุญงานศพไป 3 หมื่นบาท ส่วนที่แจ้งหมอว่าเขาเสพยาเสพติดเกินขนาด เพราะคุยกับแฟนเขาเสพยาแต่ละวันเยอะจริง และเขานอนน้อย จึงคาดสาเหตุน็อกจากการเสพยา ส่วนกรณีมีข่าวว่าตนถูกตบทรัพย์ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว

“ผมยอมรับผิด และยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร จะจำคุกผมตลอดชีวิต แต่ผมขอให้การว่า ผมไม่ได้มีเจตนาฆ่าน้อง แต่เจตนาตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประชาชนไม่ให้ลูกหลานคนนคสวรรค์ติดยา ต้องกราบขอโทษประชาชนทุกคน ผมตั้งใจทำงานจริง ๆ แต่พลาดไป กราบขอโทษพ่อแม่ผู้ตายเพราะไม่มีเจตนา และใจจริงก็ทราบว่าไม่ได้ตายเพราะการที่เราไปคลุมหัวเพื่อต้องการเอาข้อมูลยาเสพติด และกราบขอโทษ ผบ.ตร. และตำรวจทุกคน องค์กรตำรวจยังมีคนดี ๆ เยอะ ผมผิดเอง” ผู้กำกับโจ้กล่าว

ผู้กำกับโจ้จะฆ่าตัวตาย

ด้าน พล.ต.ต.เอกรักษ์ เล่าไทม์ไลน์ก่อนผู้กำกับโจ้เข้ามอบตัวว่า ผู้กำกับโจ้โทรมาหาเมื่อคืน 5 ทุ่ม บอกว่าไม่ไหวแล้ว จะฆ่าตัวตาย เลยบอกไปว่า ตายแล้วตำรวจจะเหลืออะไร ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอ ให้กลับมารับผิดชอบกรณีดังกล่าว เป็นตำรวจต้องมีเกียรติ

หนีไปไม่ได้ทำให้อะไรดี ก็บอกว่า พรุ่งนี้ พี่มารับผมที่ชลบุรี ก็อนุมัติให้เดินทางออกจากพิษณุโลกตอน 9 โมง เที่ยงก็มีถามว่ามาไหม ก็ถามอยู่ไหน 4 โมงเย็น มา สภ.แสนสุข มาคนเดียว อย่ามีอาวุธ ก็ใส่เครื่องแบบไปยืนแสนสุข และเมื่อถึงก็มีคนลงมาบอก ผมโจ้ ใส่แมสก์มาจากรถเก๋งสีขาว แต่ไม่ได้มองเลขทะเบียน ก็ทำบันทึก ที่ สภ.แสนสุข และรายงานผู้บังคับบัญชา นำตัวมากองปราบ

ขณะที่ พล.ต.อ.สุชาติกล่าวว่า สำหรับข้อสงสัยประเด็นการใช้ดุลพินิจของแพทย์เรื่องผลตรวจปัสสาวะ พบสารเมทแอมเฟตามีน ตรงนี้ได้รับการยืนยันว่า ตรวจจากการร้องขอของพนักงานสอบสวน ในการจะผ่ากระเพาะปัสสาวะของผู้เสียชีวิตในวันที่ 7 สิงหาคม หลังจากผ่าตรวจแล้วนำปัสสาวะของผู้เสียชีวิตไปตรวจจึงพบสารดังกล่าว ถึงได้ลงความเห็นเช่นนั้น ส่วนผลอย่างเป็นทางการจะมีการส่งให้พนักงานสอบสวนอีกครั้ง ทั้งนี้ขอให้เชื่อมั่นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำอย่างตรงไปตรงมา จากนี้จะนำตัว ผกก.โจ้ ไปที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อโหสิกรรมคนปล่อยคลิป

จากนั้นเวลา 01.40 น. ข่าวสด รายงาน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. คุมตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ มาทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ภายหลังการแถลงข่าวการจับกุมที่ บก.ป. จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้กำกับโจ้ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ ภ.จว.นครสวรรค์ ก่อนจะมีการฝากขังในช่วงเช้า

ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้กำกับว่า มีอะไรอยากจะฝากถึงผู้ที่ปล่อยคลิปหรือไม่ ? ซึ่งผู้กำกับโจ้ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “ไม่เป็นไรครับ อโหสิกรรมให้ครับ”