ไฟไหม้โรงงานรองเท้ากิ่งแก้ว เมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) ก่อนเจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้ เสียหายกว่า 100 ล้าน ส่วนสาเหตุคาดเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (19 ต.ค.) เวลา 20.55 น. สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ รายงานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังโรงงานรองเท้าขนาดใหญ่ ภายในซอย 9/1 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี ทาง อบต.ราชาเทวะ ได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิงพร้อมด้วยหน่วยงานข้างเคียงเพื่อเข้าระงับเหตุ
- แคดเมียมมีดีอะไร ทำไมแค่กากยังมีคนอยากได้?
- ปรับเงินเพิ่มค่าครองชีพ ข้าราชการ 4 กลุ่ม เริ่ม 1 พ.ค.นี้
- แจกเงิน 1 หมื่น เปลี่ยนเงื่อนไข คนทั่วไปใช้ได้เฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก-ร้านสะดวกซื้อ
ข่าวสด เปิดเผยบทสัมภาษณ์ นายเคน ไทยรส เจ้าหน้าที่ รปภ. กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุโรงงานได้หยุดทำงานไปแล้วตั้งแต่ช่วงเย็น ไม่มีใครอยู่ภายในโรงงานและปิดไฟทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงด้านหน้า ที่ตนกำลังเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่เท่านั้น
ขณะที่นั่งอยู่ในป้อมด้านหน้าได้กลิ่นเหม็นไหม้ของควันไฟ จึงออกไปดู และพบกลุ่มควันจำนวนมากพุ่งออกมาจากในตัวโรงงาน จึงรีบวิ่งเข้าไปดูพบว่าเปลวไฟลุกจากตัวเครื่องจักร และมีกลุ่มควันจำนวนมาก ตนและเพื่อน รปภ.พยายามเข้าไปใช้ถังเคมีฉีดเพื่อสกัดเพลิง แต่เอาไม่อยู่ จึงรีบถอยออกมาเนื่องจากไฟโหมแรงทั่วโรงงานแล้ว ตนจึงรีบโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ประสานดับเพลิง เนื่องจากภายในโรงงานมีเครื่องจักรและสารเคมีตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก
ต่อมาเฟซบุ๊กเพจ สมุทรปราการก้าวหน้า เปิดเผยว่า เวลา 23.27 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมเพลิงได้แล้ว ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.สมุทรปราการ เตรียมพร้อมเคมีโฟมดับเพลิง จำนวน 3,000 ลิตร หากมีการปะทุอีก
หลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า เพลิงเกิดขึ้นภายในบริษัท วัฒนา ฟุตแวร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 54/8 ซอยกิ่งแก้ว 9/1 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรองเท้าขนาดใหญ่ ก่อนที่เพลิงจะลุกลามไปยัง บริษัท วอล์คเกอร์ อินเตอร์ จำกัด ซึ่งอยู่ติดกัน มูลค่าความเสียหายคาดว่าสูงถึง 100 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ น่าจะเกิดจากกระแสไฟฟ้าที่เครื่องจักรเกิดการลัดวงจร จึงทำให้เกิดไฟลุกไหม้ ก่อนลุกลามไปลุกไหม้กองวัสดุที่ส่วนใหญ่เป็นยาง และเคมี รวมทั้งทินเนอร์ซึ่งเป็นสารไวไฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้เหตุเพลิงไหม้จะสงบลงแล้ว ประชาชนทั้งที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงและในสังคม ต่างพากันกังวลว่าจะมีสารเคมีรั่วไหลเหมือนเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานหมิงตี้ฯ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
กรมอนามัย แนะข้อควรทำ
จากกรณีไฟไหม้โรงงานพลาสติกกิ่งแก้ว เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กรมอนามัยได้แนะนำข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้และมีสารเคมีรั่วไหล ดังนี้
1) อพยพออกจากพื้นที่ทันทีตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการ และอยู่เหนือลม หรืออยู่ในอากาศที่ถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการสูดดมควัน
2) กรณีที่สัมผัสควันไฟหรือไอระเหยจากสารเคมีให้รีบนำผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ หากสารเคมีเปื้อนผิวหนังให้ล้างและทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่ แต่ถ้าสัมผัสสารเคมีหรือโดนไอระเหยเข้าดวงตาให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง และโทร.เรียกหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669
3) เมื่อออกจากพื้นที่ได้แล้ว หากพบว่ามีคนติดอยู่ห้ามกลับเข้าไปด้วยตนเองเด็ดขาด ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ
4) ติดตามข้อมูลสถานการณ์จากหน่วยงานภาครัฐ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และ 5) ถึงแม้เหตุการณ์ไฟไหม้จะสงบลงแล้ว ยังไม่ควรเข้าใกล้หรือสัมผัสสารเคมีในบริเวณนั้นโดยเด็ดขาดจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว หากเหตุการณ์สงบแล้วและกลับเข้าบ้านต้องประเมินสถานภาพตนเองและคนใกล้ชิด หากพบมีอาการผิดปกติดังกล่าวควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที
- ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว กรมอนามัย แนะวิธีป้องกัน ห่วงชุมชนใกล้เคียง
- โศกนาฏกรรม ‘หมิงตี้’ โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ในวงล้อมชุมชน
- โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้: ศูนย์พิษวิทยาศิริราช ให้ข้อมูล สารเคมีอันตราย