ศบค.ชี้โอไมครอนเข้าไทยระบาดเกินครึ่ง เตือนแนวโน้มตามยุโรป-สหรัฐ

แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์
แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์

ศบค.ชี้ไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนระบาดหนัก คาดเกิน 100 ประเทศแล้ว เฉพาะที่สหรัฐระบาดเพิ่มอย่างรวดเร็วครบ 50 รัฐ  เตือนเอเชียรวมไทยแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามยุโรป-สหรัฐฯแน่นอน พร้อมจับตาใกล้ชิด กรมวิทย์เปิดตัวเลขในไทยจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ที่เดินทางเข้ามาพบโอไมครอนระบาดเกิน 52% เฉพาะในกทม.ระบาดไป 43.5% ส่วนคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ติดเชื้อรวม 21 คน

วันที่ 24 ธันวาคม 2564  แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกว่า ล่าสุดวันนี้มียอดผู้ติดเชื้อรวม 278,524,003 ราย อาการรุนแรง 88,661 ราย รักษาหายแล้ว 249,194,888 ราย เสียชีวิต 5,400,605 ราย

สำหรับอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับ1.ยังเป็นสหรัฐอเมริกา จำนวน 52,788,451 ราย 2.อินเดีย จำนวน 34,772,657 ราย 3.บราซิล จำนวน 22,226,573 ราย 4.สหราชอาณาจักร จำนวน 11,767,262 ราย 5.รัสเซีย จำนวน 10,318,650 ราย สำหรับประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก จากจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,204,672 ราย

โอไมครอนแพร่ 100 ประเทศ  สหรัฐติดเชื้อครบ 50 รัฐ

แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าวว่า หลายๆประเทศตัวเลขการติดเชื้อค่อนข้างก้าวกระโดด ซึ่งกระทรวงสาธาณสุขมีการเฝ้ระวังอย่างใกล้ชิด ได้แก่สหรัฐอเมริกาที่รายงานวันนี้ 267,269 ราย ซึ่งเป็นเคสใหม่ และมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 1,149 คน เช่นเดียวกับทางยุโรป สหราชอาณาจักร ตัวเลขวันนี้ 119,789 ราย รัสเซีย แม้ตัวเลขจะอยู่ที่ 25,667 ราย แต่มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 1,002 ราย

หรืออย่างประเทศเยอรมนีที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาบ้านเรา วันนี้มีรายงาน 39,196 ราย หรือโปแลนด์ มียอดผู้ติดเชื้อ 17,156 แต่มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 616 ราย เช่นเดียวกับแอฟริกาใต้วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อ 21,156 ราย

คาดเอเชียรวมไทย ติดเชื้อโอไมครอนตามยุโรป-สหรัฐ

สำหรับประเทศในทวีปเอเชีย เวียดนามยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อค่อนข้างสูง 16,377 ราย มาเลเซีย 3,510 ราย ญี่ปุ่น 267 ราย เมียนมา 276 สิงคโปร์ 322 ราย หลายๆประเทศที่เราจับตาอย่างใกล้ชิดตอนนี้ เพราะว่าเริ่มมีการระบาดของสายพันธุ์กลายพันธุ์โอไมครอน(omicron) กันทั่วโลก

“จากการสังเกตของกระทรวงสาธารณสุข การแพร่ระบาดของทางเอเชียมักจะตามทวีปยุโรป เมื่อทวีปยุโรปตัวเลขเริ่มลดลง บ้านเราก็มีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้น เพราะฉนั้นจะนิ่งนอนใจไม่ได้ วันนี้รายงานทั่วโลกที่มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนอย่างน้อยยืนยันแล้ว 98 ประเทศ บางสำนักข่าวมีการรายงานเกิน 100 ประเทศไปแล้ว ก็คงจะต้องติดตามตัวเลขจากกระทรวงสาธาณสุขเป็นรายวัน” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

ขณะที่สหรัฐอเมริกามีรายงานการระบาดไปครบ 50 รัฐแล้ว การแพร่ระบาดเพิ่มเป็น double หรือ 2 เท่าอย่างรวดเร็ว ส่วนในประเทศไทยที่มีการรายงานตัวเลขวันนี้ของสายพันธุ์โอไมครอน 205 ราย ถ้าเทียบจากที่ศบค.รายงานเมื่อวันพุธที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา 104 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่ม Test & Go

คลัสเตอร์กาฬสินธุ์ติดเชื้อแล้ว 21 คน

สำหรับรายล่าสุดที่พบในไทยเป็นผู้ป่วยที่พบที่จ.กาฬสินธุ์ เป็นคู่สมรสสามีภรรยา เดินทางมาจากเบลเยียม ทั้ง 2 คนอายุ 47 ปี โดยผลตรวจ PCR วันที่เดินทางเข้ามา 9 ธันวาคม มีผลตรวจเป็นลบ วันที่ 12 ธันวาคมไปรับประทานอาหารกับครอบครัว ลักษณะร้านเป็นระบบปิด เริ่มมีอาการในวันที่ 13 และ 15 ธันวาคม 2564

จากนั้นมีการเดินทางไปหลายแห่ง ทั้งสถานที่ราชการ ธนาคาร โดยสารรถตู้ประจำทาง มีการเดินทางข้ามพื้นที่ไปจ.ขอนแก่นด้วย มีการสัมผัสผู้คน ทำให้เกิดการสัมผัสเสี่ยงสูง ผลตรวจวันที่ 17 ธันวาคม แบบ PCR ยืนยันเป็นผลบวก ยืนยันสายพันธุ์ในวันที่ 21 ธันวาคม เป็นโอไมครอนทั้งสองคน

“จากคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ ทำให้ตอนนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อบวกไปแล้ว 21 คน และมีบางจังหวัดที่อยู่ระหว่างรอการสอบสวน ซึ่งทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะมีการติดตามทุกรายอย่างใกล้ชิดต่อไป” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

กรมวิทย์เผยสำรวจผู้เดินทางเข้าไทยติดโอไมครอนเกิน 52%

ในส่วนภาพรวมของประเทศไทยในวันที่ 20-23 ธันวาคม ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า เรามีการสำรวจ 874 ตัวอย่าง การแพร่ระบาดยังเป็นเดลต้าเป็นส่วนใหญ่ คิดเป็นสัดส่วน 83.8% ขณะที่ 16.2% มีรายงานเป็นโอไมครอน

และถ้าแยกเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) จากการสำรวจ 207 ตัวอย่าง ส่วนใหญ่หรือ 56.5% ยังเป็นสายพันธุ์เดลต้า และเป็นสายพันธุ์โอไมครอน 43.5% ส่วนในจังหวัดอื่นๆส่วนใหญ่ยังคงเป็นสายพันธุ์เดลต้า 92.2% เป็นโอไมครอน 7.8% (ตามกราฟิก)

“ต้องย้ำว่าตัวเลขที่รายงานยังเป็นระบบ Test & Go ที่รายงานจากทางจังหวัดและกทม. และถ้าตามไปดูแต่ละกลุ่มตัวอย่าง 874 ราย เดิมจะพบว่าในส่วนของการสำรวจผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จะเห็นว่าใน 221 ตัวอย่าง ตอนนี้เป็นโอไมครอน 52.9% แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรครึ่งหนึ่งเป็นการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งถ้าเทียบกับวันที่ 22 ธันวาคมที่ศบค.รายงาน การระบาดของโอไมครอนยังเป็น 1 ส่วน 4 ของรายงานทั้งหมด แต่ตอนนี้พบเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 50 % ของผู้เดินทางเข้าประเทศแล้ว” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม ถ้าไปดูการเฝ้าระวังทั้งประเทศ ตัวเลขของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะพบว่า ทุกๆเขตสุขภาพ 12 แห่ง สายพันธุ์ที่ติดเชื้อในประเทศไทยยังเป็นสายพันธุ์เดลต้าอยู่

สธ.เตรียมความพร้อมระบบสาธาณสุขรับมือปีใหม่

ส่วนรายงานของต่างประเทศ อย่างในสหรับฐอเมริกาจะพบว่า การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนได้เพิ่มจาก 12% เป็น 73% ใช้เวลาแค่เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งก็ตรงกับหลายๆประเทศ รวมทั้งของไทย และองค์การอนามัยโลกที่ออกมาระบุว่าสายพันธุ์โอไมครอนสามารถที่จะเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อเป็น 2 เท่า ในระยะเวลาเพียง 2-3 วัน และในสหรัฐอเมริกา สายพันธุ์โอไมครอบแทบจะกลืนเป็นสายพันธุ์หลักของประเทศสหรัฐฯไปแล้ว

อย่างไรก็ตามจากการรายงานของสหราชอาณาจักร พบว่า อัตราการนอนในโรงพยาบาล ในส่วนของสายพันธุ์โอไมครอนเทียบกับเดลต้า พบว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้ามีอัตราการนอนในโรงพยาบาล 50% แต่โอไมครอนจะน้อยกว่า หรือประมาณ 20-25% และที่นอนโรงพยาล 1 วันขึ้นไปก็ยังน้อยกว่า หรืออยู่ที่ 40-45% เมื่อเทียบกับ 61% ของสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งก็สอดคล้องกับประเทศในแอฟริกาใต้

ขณะที่ผลศึกษาในฮ่องกงยังพบว่าสายพันธุ์โอไมครอนสามารถหลบภูมิคุ้มกันในกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม หรือแม้กระทั่งผู้ที่เคยติดเชื้อมาก่อน หรือหายป่วยแล้วเจอโอไมครอนก็สามารถติดซ้ำได้ด้วย นอกจากนี้จากการศึกษาในอังกฤษยังพบว่า การอยู่ร่วมบ้านกันของผู้ติดเชื้อโอไมครอนก็มีโอกาสติดเชื้อกระจายได้มากกว่า

แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าวต่อว่า ตรงนี้ทำให้หลายหน่วยงานในอังกฤษมีการยกระดับมาตรการที่เข้มงวด บางหน่วยงานมีการยกเลิกการจัดงานในเทศกาลปีใหม่ ร้านอาหารบางแห่งก็ประกาศปิดเพื่อเตรียมมาตรการให้มีความรัดกุม ให้พร้อมมากขึ้น ขณะที่ระบบสาธาณสุขในอังกฤษเองก็เริ่มตึงตัว

ขณะที่ในประเทศไทย โดยเฉพาะในเทศกาลปีใหม่ กระทรวงสาธารณสุขได้เน้นย้ำทุกโรงพยาบาล ระบบสาธารณสุขทั้งประเทศตอนนี้ ขอให้เตรียมความพร้อม รวมทั้งข้าราชการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขต้องเสียสละ

ในส่วนของวัคซีน มีการายงานชัดเจนว่าวัคซีนแอสต้าเซนเนก้า ที่จะให้เป็นเข็มบูสเตอร์ หรือการกระตุ้นเข็ม 3 มีการรายงานการป้องกันสายพันธุ์โอไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโอไมครอนได้ เพราะฉนั้นขอให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วมาฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ได้

ส่วนผลการดำเนินงานรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรล่าสุดวันที่ 1-23 ธันวาคม 264 มียอดสะสม 205,568 ราย พบผู้ติดเชื้อโควิด 525 ราย และเมื่อรวมตั้งแต่เปิดประเทศ 1 พ.ย.-23 ธันวาคม 2564 มีผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรรวม 338,629 ราย มีผู้ติดเชื้อโควิดรวม 686 คน

“ในช่วงเทศกาลจัดงานปีใหม่ อย่าง กทม.มีการออกประกาศว่ามีการงดเว้นการจัดงานปีใหม่ในส่วนของสำนักงานเขตในกทม.เป็นต้น อย่างไรก็ตามในส่วนความเห็นของศบค. การที่จะจัดงานปีใหม่หรือไม่นั้นขอให้ติดตามการประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อแต่ละจังหวัด รวมถึงของกทม. ซึ่งทางศบค.และกระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการกำกับการจัดงานให้ปลอดภัยตามมาตรฐานของสาธารณสุข แต่ในแต่ละจังหวัดสามารถปรับมาตรการให้เข้มขึ้นกว่าของศบค.ได้” ผู้ช่วยโฆษกศบค.กล่าว