ศักดิ์สยามย้ำทางด่วนพระราม 2 เสร็จตามแผน

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ

รมว.คมนาคมลงพื้นที่ตามความคืบหน้าทางด่วนพระราม 2-3 รองรับการจราจรขยายตัว

วันที่ 9 มีนาคม 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางยกระดับบนถนนพระราม 2 และทางพิเศษพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนภายใต้การบริหารงานของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้กระทรวงคมนาคมเร่งแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมสู่ภาคใต้ของประเทศให้เสร็จโดยเร็ว

ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลงานการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากช่อง ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย กม. 9+800-21+500 ระยะทาง 11.7 กิโลเมตร ตอน 1 กม. 9+800-13+300 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 ตอน 2 กม. 13+300-17+400 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 และตอน 3 กม. 17+400-21+500 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการในปัจจุบันมีความคืบหน้า ดังนี้

1.โครงการก่อสร้างทางยกระดับทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากช่อง ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ช่วง กม. ที่ 11+959.904-20+295.417 ของกรมทางหลวง เป็นการก่อสร้างทางยกระดับ จำนวน 6 ช่องจราจร ไป-กลับ (ทิศทางละ 3 ช่องจราจร) ภาพรวมโครงการมีความคืบหน้า 61% คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2566 แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 3 ตอน ระยะทาง 8.2 กิโลเมตร คือ ตอนที่ 1 ระยะทาง 2.575 กิโลเมตร รวมทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน ปัจจุบันมีความคืบหน้า 62.61% ตอนที่ 2 ระยะทาง 4.1 กิโลเมตร ปัจจุบันมีความคืบหน้า 46.75% และตอนที่ 3 ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ปัจจุบันมีความคืบหน้า 74.84%

2.โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว มีแนวสายทางเชื่อมต่อกับโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก บริเวณด่านบางขุนเทียนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 10 สัญญา บนถนนพระราม 2 ตั้งแต่ กม. ที่ 20+295 – 36+645 ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร มูลค่า 18,759.230 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 15 มกราคม 2568

3.โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตกของ กทพ. เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดของทางพิเศษเฉลิมมหานคร ช่วงบางโคล่-สะพานพระราม 9-ดาวคะนอง ที่มีปริมาณการจราจรเฉลี่ยสูงถึง 150,000 คันต่อวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างยั่งยืน

กระทรวงคมนาคมจึงได้มีนโยบายให้พัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโครงข่ายถนนและทางพิเศษในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ภาพรวมโครงการมีความคืบหน้า 24.32% คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2567 ประกอบด้วย 5 สัญญา คือ สัญญาที่ 1 ระยะทาง 6.4 กิโลเมตร มีความก้าวหน้า 0.82% สัญญาที่ 2 ระยะทาง 5.3 กิโลเมตร มีความก้าวหน้า 34.33% สัญญาที่ 3 ระยะทาง 5 กิโลเมตร มีความก้าวหน้า 1.48% สัญญาที่ 4 ระยะทาง 2 กิโลเมตร มีความก้าวหน้า 68.88% และสัญญาที่ 5 งานระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมจราจร และระบบสื่อสาร อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ KPI ในการบริหารจัดการก่อสร้างและการจราจร ซึ่งมีการพัฒนาใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาบริหารจัดการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดผลกระทบต่อการจราจร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการเชื่อมต่อระบบคมนาคมสู่ภาคใต้ให้มีความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัย

โดยมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมให้กรมทางหลวงและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยคำนึงถึงปัจจัยเรื่องอุทกภัยด้วยในการออกแบบและบริหารจัดการโครงการ และเพิ่มความถี่ในการประชาสัมพันธ์โครงการให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด โดยเฉพาะช่องทาง Social Media การใช้ Influencer เข้ามาช่วยในการสื่อสารและการทำกิจกรรมของโครงการ เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้เป็นวงกว้างและเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

รวมถึงบูรณาการในการวางแผนเคลื่อนย้ายระบบสาธารณูปโภคกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่จะต้องวางแผนการพัฒนา Business Model ที่ชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานมีรายได้เลี้ยงตัวเองอันจะเป็นการลดภาระทางงบประมาณของภาครัฐในระยะยาว รวมถึงต้องคำนึงถึงการพัฒนา TOD (Transit Oriented Development) และโอกาสในการพัฒนาพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ ที่โครงการสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงตรวจพื้นที่ก่อสร้าง โดยเริ่มจากโครงการก่อสร้างทางยกระดับ ของกรมทางหลวง และต่อไปที่โครงการทางพิเศษฯ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และได้สั่งการให้ ทล. และ กทพ. บูรณาการร่วมกัน 6 มิติ ได้แก่ มิติบริหารพื้นที่ร่วม มิติการออกแบบ มิติการเร่งรัดงานก่อสร้าง มิติการบริหารจราจร มิติการประชาสัมพันธ์ และมิติการช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

เช่น การบริหารการใช้พื้นที่ร่วมกับโครงการที่มีพื้นที่ซับซ้อน การใช้พื้นสะพานแบบหล่อสำเร็จรูป (Precast Box Segment) การกำกับดูแลติดตามให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ การก่อสร้างในพื้นที่เฉพาะที่กั้นไว้ การประชาสัมพันธ์สื่อสารข้อมูลด้วยป้าย VMS (ป้ายปรับเปลี่ยนข้อความ) MVMS (ป้ายปรับเปลี่ยนข้อความแบบเคลื่อนที่ได้)

และติดตั้งกล้อง CCTV ตรวจสภาพการจราจรเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ พร้อมจัดตั้งศูนย์บริหารและบูรณาการเพื่อควบคุมการทำงานในโครงการก่อสร้างแบบ Real-Time เพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ลดปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนน และอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยให้ประชาชนผู้ใช้ทางระหว่างการก่อสร้าง