จับตา “สินค้าควบคุม-สินค้าจำเป็น” พาเหรดขึ้นราคา หลังกระแสข่าว รัฐจ่อยุติอุ้มราคาดีเซล ปล่อยทะลุ 30 บาท/ลิตร พลิกตำรา “พ.ร.บ.ราคาสินค้าและบริการ 2542” ชี้ชัดผู้ประกอบการขึ้นราคาสินค้าควบคุมเอง ไม่ได้
วันที่ 27 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรัฐบาลประกาศจะพิจารณาปรับขึ้นราคาดีเซลเกินกว่า 30 บาท/ลิตร มีผลวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นี้ เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ ช่วงวันที่ 11 เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา มีกระแสเงินสด อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท แต่สถานะติดลบแล้วกว่า 4.2 หมื่นล้านบาท
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่า ผลที่ตามมาคือราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ยอมรับตรง ๆ ว่า ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นจะกระทบต่อราคาสินค้าแน่นอน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะพยายามกำกับราคาขายจากโรงงาน และราคาขายปลีกให้เกิดความสมดุล
โดยผู้ผลิตจะต้องปรับลดผลกำไรลงมาให้น้อยที่สุดเท่าที่ผู้ผลิตจะรับได้ และไม่หยุดการผลิต
โดยกระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำโครงสร้างดังกล่าวเอาไว้แล้ว และมีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง ให้ราคาปรับขึ้นน้อยที่สุด เท่าที่ทำได้ และต้องดูเป็นกรณีไป หากจะต้องมีการปรับราคาเพื่อแก้ปัญหาการหยุดผลิต
สำหรับสินค้าจำเป็น 18 รายการ เป็นสินค้ากลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการปล่อยดีเซลลอยตัว ขณะนี้ยังขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการตรึงราคาต่อไป หากจะขอปรับราคาต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป
สำหรับกระแสข่าวที่ว่า 2 บะหมี่กึ่งสำเร็จ “มาม่า” และ “ไวไว” ปรับขึ้นราคาขายส่งตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เฉลี่ยประมาณ 3 บาท/กล่อง (30 ซอง) หรือประมาณ 0.083 สตางค์ต่อซอง
ขณะที่อีก 2 แบรนด์ ยำยำ (อายิโนะโมะโต๊ะ) และนิสชิน (นิสชินฟูดส์) ยังไม่มีการแจ้งปรับราคาขายส่ง แต่คาดว่าอาจจะแจ้งตามมาในเร็ว ๆ นี้ และคาดว่าน่าจะมีผลกับราคาขายปลีกในเร็ววันนี้ด้วย
จากผลพวงดังกล่าว “ประชาชาติธุรกิจ” จึงสำรวจได้ว่ารายการ “สินค้าจำเป็น 18 รายการ” ที่นายจุรินทร์กล่าวถึงนั้น อยู่ในรายการ “สินค้าควบคุม 56 รายการ” หรือไม่
เพราะหากอยู่ในรายการสินค้าควบคุม จะขึ้นราคาเองไม่ได้ ต้องเสนอให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) พิจารณาก่อน
สินค้าจำเป็น-สินค้าควบคุม คืออะไร
สำหรับสินค้าควบคุม และสินค้าจำเป็นนั้น มีนิยามคร่าว ๆ ว่า
“สินค้าควบคุม” คือ สินค้าที่มีการกำหนดราคาซื้อ-ขาย ที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) จะเป็นผู้กำหนดสินค้าหรือบริการควบคุมได้ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 24
กกร.สามารถพิจารณารายการสินค้าควบคุมได้อย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าในราคาที่ต่ำหรือสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งต้องกำหนดมาตรการป้องกันการกักตุนสินค้าควบคุมด้วย
ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 56 รายการ อ้างอิงตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม และประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2565 เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม
ส่วน “สินค้าจำเป็น” คือ สินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภค-บริโภคในชีวิตประจำวัน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ได้กำหนดมาตรการในการตรึงราคาเอาไว้ ซึ่งทั้ง 18 รายการ ประกอบด้วย
- บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
- หมวดอาหารสด
- อาหารกระป๋อง
- ข้าวสารถุง
- ซอสปรุงรส
- น้ำมันพืช
- น้ำอัดลม
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม
- เครื่องใช้ไฟฟ้า
- ผลิตภัณฑ์ซักล้าง
- ปุ๋ย
- ยาฆ่าแมลง
- อาหารสัตว์
- เหล็ก
- ปูนซีเมนต์
- กระดาษ
- ยา เวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์
- บริการผ่านห้าง ค้าปลีก-ส่ง
16 รายการสินค้าจำเป็น เข้าสินค้าควบคุม
เมื่อจำแนกรายการสินค้าจำเป็นที่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นราคาแล้ว จากที่ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจวิเคราะห์แล้วเห็นว่า ใน 18 รายการ มีเพียง 2 รายการเท่านั้นที่ไม่เข้ารายการของสินค้าควบคุม ประกอบด้วย
- น้ำอัดลม
- อาหารสดที่นอกเหนือไปจากเนื้อหมูและเนื้อไก่
ผู้ประกอบการขึ้นราคาเองไม่ได้
ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ 2542 มาตรา 29 กำหนดว่า ห้ามผู้ประกอบธุรกิจปรับราคาสินค้าและบริการที่เป็นสินค้าควบคุม ให้ ต่ำ หรือ สูง เกินควร ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้น อำนาจในการกำหนดราคาสินค้าและบริการจึงอยู่ที่ กกร. เป็นสำคัญ โดยการออกประกาศราคาสินค้าและบริการ ตามกฎหมายกำหนดให้ประกาศอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือหากมีเหตุจำเป็นสามารถนัดประชุม กกร. เพื่อออกประกาศเพิ่มเติมได้
ส่วนผู้ประกอบการไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าควบคุมได้ตามอำเภอใจ จะต้องเสนอเรื่องมาที่กรมการค้าภายในพิจารณาก่อน
โดยหากพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า เอฟเฟ็กต์หลังวันที่ 1 พ.ค.นี้ จะรุนแรงเพียงใด เพราะแค่ไม่กี่วันก่อนถึงวันดังกล่าว ผู้ประกอบการหลากหลายธุรกิจก็เริ่มโบกมือหย็อย ๆ ไปที่กระทรวงพาณิชย์ ขอขึ้นราคาสินค้ากันแล้ว ส่วนผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ก็คงต้องก้มหน้าเตรียมควักเงินในมือเพิ่มกันไป