จับตาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ BA.2.75 พบระบาดที่อินเดีย ถิ่นกำเนิดของเดลต้า

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา จากไบโอเทค แนะจับตาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ BA.2.75 ระบุมีการกลายพันธุ์ถึง 9 ตำแหน่ง และมีตำแหน่งที่ทำให้ไวรัสหนีภูมิจากการจับของแอนติบอดีได้มากขึ้น พบตอนนี้ระบาดที่อินเดีย ถิ่นกำเนิดของสายพันธุ์เดลต้า มีการรายงานในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังไม่มีรายงานความรุนแรง แต่มีแนวโน้มวิ่งได้ไวกว่า BA.5 

วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Anan Jongkaewwattana เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2565 ถึงไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่จะมีการพูดถึงกันมากขึ้นหลังจากนี้

ดร.อนันต์ ระบุว่า คาดว่าอีกไม่นานไวรัสสายพันธุ์ BA.2.75 จะมีการพูดถึงในสื่อมากขึ้น ข้อมูลตอนนี้พบไวรัสสายพันธุ์นี้ในอินเดียเป็นส่วนใหญ่ แต่พบว่าหลายประเทศมีการรายงานไวรัสสายพันธุ์นี้แล้ว เช่น ในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา โดยไวรัสสายพันธุ์นี้ได้รับความสนใจด้วยเหตุผล 2 ประการหลัก ๆ คือ

จับตา ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ BA.2.75

1. เป็น BA.2 ที่มีการกลายพันธุ์เพิ่มถึง 9 ตำแหน่งบนโปรตีนหนามสไปค์ (เทียบกับ BA4/BA5) แต่เนื่องจากตำแหน่งที่ 493 (R493Q) เป็นการเปลี่ยนกลับจากโอมิครอนไปเหมือนสายพันธุ์ดั้งเดิม ทำให้บางคนนับว่าเป็น 8 ตำแหน่ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าปกติ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ 446 ซึ่งเปลี่ยนจาก G (Glycine) ไปเป็น S (Serine) G446S เคยมีคนพูดถึงว่าเป็นตำแหน่งที่ทำให้ไวรัสหนีภูมิจากการจับของแอนติบอดีได้มากขึ้น

จับตา ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ BA.2.75

2. ข้อมูลของจำนวนตัวอย่างไวรัสที่ถอดรหัสในอินเดียพบการเพิ่มจำนวนของสายพันธุ์นี้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในรัฐมหาราษฏระ ซึ่งถ้าจำได้เป็นถิ่นกำเนิดของสายพันธุ์อย่างเดลต้ามาก่อน มีผู้พยายามเปรียบเทียบความสามารถของ BA.2.75 กับ BA.5 ในการแพร่กระจาย มีแนวโน้มว่า BA.2.75 จะวิ่งได้ไวกว่า แต่เนื่องจากตัวอย่างยังมีไม่มาก ทำให้ความน่าเชื่อถือของข้อมูลยังมีน้อย

ดร.อนันต์กล่าวว่า ทั้งนี้ยังไม่มีประเด็นเรื่องของความรุนแรงของเชื้อชนิดนี้ออกมา คงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อไป

จับตา ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ BA.2.75

จับตา ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ BA.2.75

วันเดียวกัน  นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงการเฝ้าระวังโควิด-19 สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ว่า จากการติดตามเฝ้าระวังระบาดของสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ปัจจุบันโควิดเป็นโอมิครอน 100% ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมามีการตรวจด้วย SNP ทั้งหมด 948 ราย พบว่า เป็นสายพันธุ์ย่อย BA.2 จำนวน 447 ราย ส่วน BA.4 และ BA.5 ยังไม่ได้แยกเพราะเป็นการตรวจชั้นต้น มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งเดียวกัน

สำหรับการตรวจโดยรวมพบว่ามี 489 ราย แบ่งกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ จำนวน 46 ตัวอย่าง พบว่า เป็น BA.4 และ BA.5 ประมาณ 78.3% ส่วนกลุ่มในประเทศมี 900 ตัวอย่าง เป็น BA.4 และ BA.5 กว่า 50.3% ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และหากเป็นแบบนี้คาดการณ์ว่า อีกไม่นานสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 จะครองตลาดของการติดเชื้อในประเทศไทย

“จากการสุ่มตรวจในประเทศขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 ทุกเขตสุขภาพ เว้นเขต 3, 8 และ 10 พบมากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะส่งผลต่อเปอร์เซ็นต์ภาพรวมประเทศด้วย” นพ.ศุภกิจกล่าว

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นข้อมูล ณ วันนี้ ยังไม่พบความรุนแรงจากสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เมื่อเทียบกับ BA.1 และ BA.2 เดิมอย่างเห็นได้ชัด จึงขอความร่วมมือโรงพยาบาลที่มีคนไข้ใส่ท่อช่วยหายใจ ปอดอักเสบส่งตัวอย่างมาเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้ข้อมูลสถิติที่แม่นยำขึ้น

สรุปคือ สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่า 50% และจะค่อย ๆเบียดโอมิครอน ขณะที่ความรุนแรงข้อมูลยังไม่มากพอ ต้องติดตามคนใส่ท่อช่วยหายใจ ปอดอักเสบเพิ่มเติม

นพ.ศุภกิจ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค เตือนให้คอยจับตาดูไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ BA.2.75 หลังพบแล้วในประเทศอินเดียเป็นส่วนใหญ่ และเริ่มมีการรายงานในอีกหลายประเทศ ทั้งสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกานั้น

“ตอนนี้ มีตัวอย่างส่งเข้าจีเสส (GISIAD) เพียง 60 ตัวอย่าง จำนวนยังน้อยเกินไป แต่ก็พบว่า มีการกลายพันธุ์ที่สไปรก์โปรตีน กลายพันธุ์เพิ่มเยอะในบางตำแหน่ง อาจหลบภูมิคุ้มกัน แต่ทั้งหมดนี้ เรามีเครือข่ายกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก และการสุ่มตรวจในประเทศไทย ดังนั้นเราจะตรวจจับได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มี BA.2.75 ในประเทศไทย” นพ.ศุภกิจ กล่าว