กรมวิทย์ฯ เผยโอมิครอนสายพันธุ์ “BA.4 – BA.5” มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คาดอีกไม่นานครองตลาดในไทย วอนให้สวมหน้ากากอนามัย-ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น พร้อมเฝ้าระวังสายพันธุ์ BA.2.75
วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงการเฝ้าระวังโควิด-19 สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ว่า จากการติดตามเฝ้าระวังระบาดของสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ปัจจุบันโควิดเป็นโอมิครอน 100% ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมามีการตรวจด้วย SNP ทั้งหมด 948 ราย พบว่า เป็นสายพันธุ์ย่อย BA.2 จำนวน 447 ราย ส่วน BA.4 และ BA.5 ยังไม่ได้แยกเพราะเป็นการตรวจชั้นต้น มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งเดียวกัน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
สำหรับการตรวจโดยรวมพบว่ามี 489 ราย แบ่งกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ จำนวน 46 ตัวอย่าง พบว่า เป็น BA.4 และ BA.5 ประมาณ 78.3% ส่วนกลุ่มในประเทศมี 900 ตัวอย่าง เป็น BA.4 และ BA.5 กว่า 50.3% ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และหากเป็นแบบนี้คาดการณ์ว่า อีกไม่นานสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 จะครองตลาดของการติดเชื้อในประเทศไทย
“จากการสุ่มตรวจในประเทศขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 ทุกเขตสุขภาพ เว้นเขต 3, 8 และ 10 พบมากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะส่งผลต่อเปอร์เซ็นต์ภาพรวมประเทศด้วย”
นอกจากนี้ การตรวจชั้นต้นได้ผล 1 วันแล้ว ยังนำจำนวนตัวอย่างบางส่วนมาถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว ซึ่งต้องใช้เวลา 1 สัปดาห์ บางส่วนอาจซ้ำกัน ดังนั้น BA.4 และ BA.5 ในไทยมีประมาณ 1,000 ราย แต่ตัวเลขนี้ไม่ได้มีความหมาย เพราะต้องดูสัดส่วนคนติดเชื้อทั้งหมด หากสัดส่วนเยอะกว่าอีกสายพันธุ์หนึ่งก็แสดงว่าแพร่เร็วกว่า
เมื่อวิเคราะห์ตามกลุ่มต่าง ๆ ช่วงวันที่ 25 มิถุนายน-1 กรกฎาคม 2565 เป็นข้อมูลที่ต้องติดตามต่อ โดยพบว่า 173 รายในภาพรวมมี BA.4 และ BA.5 กว่า 35.8% ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ มี 44 รายพบ BA.4 และ BA.5 ประมาณ 29.5% แสดงว่าสายพันธุ์กลุ่มนี้ไม่ได้เกิดในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์มากกว่ากลุ่มอื่น
ส่วนกลุ่มที่มีค่า ct น้อย ๆ คือ เชื้อเยอะ ๆ มี 19 ราย พบเป็นสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 กว่า 36.8% ส่วนกลุ่มที่มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต ได้ตัวอย่างมาเพียง 11 ราย พบสัดส่วนสายพันธุ์นี้ 36.4% ไม่ได้แตกต่างกันมาก
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นข้อมูล ณ วันนี้ ยังไม่พบความรุนแรงจากสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เมื่อเทียบกับ BA.1 และ BA.2 เดิมอย่างเห็นได้ชัด จึงขอความร่วมมือโรงพยาบาลที่มีคนไข้ใส่ท่อช่วยหายใจ ปอดอักเสบส่งตัวอย่างมาเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้ข้อมูลสถิติที่แม่นยำขึ้น
สรุปคือ สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่า 50% และจะค่อย ๆเบียดโอมิครอน ขณะที่ความรุนแรงข้อมูลยังไม่มากพอ ต้องติดตามคนใส่ท่อช่วยหายใจ ปอดอักเสบเพิ่มเติม
ดังนั้น ยังต้องเข้มงวดมาตรการ ทั้งสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด แม้ภาครัฐไม่ได้บังคับแล้ว แต่ขอให้ป้องกันตัวเอง รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อให้ภูมิคุ้มกันสูงมากพอ และยังจำเป็นโดยเฉพาะกลุ่ม 608 และผู้ที่ได้รับเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน แม้ยังไม่มีวัคซีนรุ่นใหม่ๆ แต่เชื่อว่าการฉีดเข็มกระตุ้นจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า นอกจากสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ยังมีกรณีสายพันธุ์ เพราะ BA.2.75 ที่พบในอินเดีย สหรัฐ และอังกฤษ เป็นสายพันธุ์น่ากังวลหรือไม่
นพ.ศุภกิจ ระบุว่า หาก BA.2.75 มีปัญหามาก ทางองค์การอนามัยโลกจะจัดให้เป็น VOC-LUM แต่ตอนนี้ยังไม่จัด และการรายงานข้อมูลไปที่จีเสสยังถือว่ายังน้อยเกินไป จึงไม่ต้องกังวลกรมวิทย์ฯ มีการเฝ้าระวังตลอด และประเทศไทยยังไม่มีสายพันธุ์ BA.2.75