เปิดผลศึกษาวัคซีนแอสตร้าฯ เข็ม 4 ป้องกันโควิดโอมิครอน ใกล้เคียง mRNA

แอสตร้า
Photo by Saeed KHAN / AFP

แอสตร้าฯ ประเทศไทย เผยผลศึกษาฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ เข็มที่ 4 ป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนสูง 73% ใกล้เคียงชนิด mRNA 

วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยผลการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยทีมวิจัยจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงใหม่ และคณะ พบว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าฯ เข็มกระตุ้น (บูสเตอร์โดส) เข็มที่ 4 มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

หลักฐานการใช้จริงจากทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าฯ มีประสิทธิผลของวัคซีน (Vaccine Effectiveness : VE) ร้อยละ 73 (95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 48-89%) ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว เมื่อได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าฯ เป็นวัคซีนเข็มที่ 4 โดยไม่ขึ้นกับชนิดของวัคซีนที่ได้รับก่อนหน้า

ผู้วิจัยระบุว่า ผลการศึกษานี้เป็นข้อมูลชุดแรกที่ประเมินประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบสูตรไขว้ (Heterologous) 4 เข็ม ล่าสุด ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์แบบฉบับ preprint ใน Research Square

อย่างไรก็ดี ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้นที่ 4 ทุกชนิด ที่ทำการศึกษามีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนสูงถึง ร้อยละ 75 (VE 75%, 95% CI 71-80%) โดยประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าฯ นั้น อยู่ที่ร้อยละ 73 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับวัคซีน mRNA อื่น ๆ ที่ทำการศึกษาในงานวิจัยนี้ ที่มีประสิทธิผลร้อยละ 71 (VE 71%, 95% CI 59-79%) โดยประสิทธิผลของวัคซีนดังกล่าวถูกปรับเพื่อขจัดอิทธิพลจากตัวแปรต่าง ๆ ได้แก่ อายุ เพศ เวลาการรับวัคซีนตามปฏิทิน และประเภทของสูตรวัคซีนที่ได้รับก่อนหน้า

นพ.สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มช. กล่าวว่า การศึกษานี้ได้แสดงให้เห็นถึงข้อมูลที่สำคัญว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 4 ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม มีประสิทธิผลในการช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่สามารถระบาดได้อย่างรวดเร็ว การสร้างภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องด้วยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประชากรกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง

นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังสนับสนุนประสิทธิผลของการฉีดวัคซีนในแบบสูตรไขว้ต่าง ๆ หรือ แบบมิกซ์แอนด์แมตช์ (mix and match) ซึ่งสามารถช่วยสนับสนุนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครอบคลุมมากขึ้นในประชากรทั่วไป

ด้านนายจอห์น เปเรซ รองประธานอาวุโส หัวหน้าฝ่ายพัฒนาขั้นสุดท้าย ฝ่ายวัคซีนและภูมิคุ้มกันบำบัด แอสตร้าฯ กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดนี้ช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของวัคซีนเข็มกระตุ้นในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในสายพันธุ์ที่แตกต่างออกไป จากประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าฯ ในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง และการเสียชีวิต

“ขณะนี้เราทราบแล้วว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าฯ สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ดีพอสมควร เมื่อได้รับเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ 4 ซึ่งจะให้ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สูงกว่าหลังจากรับวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ 3” นายจอห์นกล่าว

นายจอห์นกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นจากโรงพยาบาล (รพ.) รายงานประสิทธิผลของวัคซีนต่ออาการป่วยรุนแรงจากโควิด-19 (ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยหายใจ) และการเสียชีวิตในช่วงการระบาดหนักของสายพันธุ์โอมิครอน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2565 พบว่า การได้รับวัคซีนแบบสูตรไขว้ 3 เข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อรุนแรงหรือการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ร้อยละ 98 ในประชากรทุกช่วงอายุที่ศึกษา

และมีการเสียชีวิตเพียงรายเดียวในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหลังการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ 4 ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงประสิทธิผลในระดับสูงมากของวัคซีน โดยการวิเคราะห์ข้อมูลชุดนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และจะมีการรายงานผลสรุปทั้งหมดในภายหลัง

“ทั้งนี้ การศึกษาดังกล่าวรายงานประสิทธิผลจากการใช้จริงของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าฯ, วัคซีนโคโรนาแวค (CoronaVac) และวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) โดยใช้ข้อมูลจากเครือข่ายการเฝ้าระวังจากหน่วยตรวจเชิงรุกในพื้นที่ ซึ่งช่วยให้สามารถเปรียบเทียบข้อมูลผู้ป่วยในพื้นที่ได้ ทั้งในช่วงเวลาที่มีอัตราการระบาดสูงของทั้งสายพันธุ์เดลต้าและสายพันธุ์โอมิครอน และว่า

จนถึงวันนี้ แอสตร้าฯ ได้ส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วกว่า 3,000 ล้านโดส โดยนับตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 ถึง วันที่ 8 ธันวาคม 2564 วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าฯ ช่วยปกป้องผู้คนจากโควิด-19 แล้วกว่า 6 ล้านชีวิต” นายจอห์นกล่าว