นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยในขณะลงพื้นที่บริเวณสถานีสูบน้ำบางซื่อถึงแนวทางการบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพมหานคร
วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายวิศณุ ทรัพย์สมพล พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้ลงพื้นที่ที่สถานีสูบน้ำบางซื่อ ภายหลังการลงพื้นที่ นายชัชชาติได้เปิดเผยถึงแผนการบริหารจัดการน้ำกรุงเทพมหานครว่า ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครมุ่งบริหารจัดการน้ำผ่านเมกะโปรเจ็กต์ อย่างอุโมงค์ระบายน้ำ โดยได้ละเลยเส้นเลือดฝอยไป
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ต่อไปนี้กรุงเทพมหานครจะมุ่งเน้นการดูแลเส้นเลือดฝอยผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพคลอง โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 จะมุ่งเน้นการขุดลอกคลองที่มีความตื้นเขินให้ลึกขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับน้ำ ยกตัวอย่างคลองลาดพร้าวซึ่งได้ร่วมกับทางกองทัพภาคที่ 1 ขุดลอกคูคลอง
ส่วนที่ 2 จะเป็นการสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมหรือเขื่อนริมคลอง ซึ่งที่ผ่านมาหากไม่มีแนวป้องกันน้ำท่วมจะเกิดปัญหาน้ำกัดเซาะริมคลอง ทำให้ตะกอนดินจากการกัดเซาะทำให้คลองตื้นเขิน
นายชัชชาติยังกล่าวต่ออีกว่า ด้านสถานีระบายน้ำพบปัญหาอยู่ 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือการชำรุดทรุดโทรมของสถานีระบายน้ำและสูบน้ำ และส่วนที่ 2 คือเครื่องสูบน้ำมีอายุเกินกว่า 15 ปี ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการระบายน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าของกรุงเทพมหานครมีทั้งสิ้น 797 เครื่อง ชำรุด 112 เครื่อง ใช้งานเกินกว่า 15 ปีอีก 329 เครื่อง
นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้เราเห็นปัญหาแล้วว่ามีที่มาอย่างไรบ้าง ดังนั้นการจะแก้ไขจะสามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ดี อาจจะไม่ทันใจเท่าใดนักเนื่องจากระบบการจัดซื้อจัดจ้างของราชการ แต่สิ่งที่ได้ทดแทนมาคือความโปร่งใสในโครงการ
“ในอนาคตอันใกล้กรุงเทพมหานครมีแผนที่จะสร้างอุโมงค์ย่อยเพื่อรองรับน้ำมายังอุโมงค์ยักษ์เพิ่มเติม หากจะเปรียบเทียบง่าย ๆ คือการสร้างทางขึ้นทางด่วนเพิ่มเติมนั่นเอง” นายวิศณุกล่าว