Amity พลิกเกมโตตลาดโลก ผนึก AWS จุดพลุ โซเชียล คลาวด์

กรวัฒน์ เจียรวนนท์
กรวัฒน์ เจียรวนนท์

เทคสตาร์ตอัพไทย “เอมิตี้-Amity” ดัน “โซเชียล คลาวด์” เจาะตลาดโลก หวังเป็นหนึ่งในบริษัทไทยที่ขึ้นไปสู้ในสมรภูมิธุรกิจซอฟต์แวร์โลกใหม่ “SaaS” (Software-as-a-Service) หลัง Amity ผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านการสื่อสาร หรือโซเชียลฟีเจอร์

สำหรับองค์กรได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในยุโรป เมื่อ พ.ค. 2565 โดยขึ้นไปอยู่ใน 150 อันดับแรกจาก 1,000 อันดับของไฟแนนเชียลไทม์ เป็นบริษัทเทคโนโลยีไทยเพียงหนึ่งเดียวด้วยอัตราการเติบโต 1,020%

ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานกว่า 200 คน กว่า 30 สัญชาติมีสำนักงานสาขาทั้งในไทย, ลอนดอน และอิตาลี

ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจาก “อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส” (AWS) ให้เป็นผู้พัฒนา และจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (Independent Software Vevdor : ISV) รายแรกของไทยที่ได้เข้าไปอยู่ใน AWS Marketplace

พลิกเกมบุกตลาดโลก

นายกรวัฒน์ เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Amity (เอมิตี้) กล่าวว่า ความร่วมมือและการนำโปรดักต์ขึ้นไปอยู่บนมาร์เก็ตเพลซของ AWS ทำให้ Amity Social Cloud มีโอกาสขยายตลาดไปในระดับโลกได้รวดเร็วขึ้น เพราะลูกค้าเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้นมากในรูปแบบของการให้บริการผ่านระบบคลาวด์ หรือ SaaS (Software-as-a-Service) ที่คิดค่าบริการเป็นรายเดือนหรือรายปี (Subscription Model)

สอดคล้องกับการปรับรูปแบบธุรกิจหลังวิกฤตโควิดที่หันมาพัฒนาโซลูชั่นที่ให้บริการในรูปแบบ Platform-as-a-Service (PaaS) ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ นำโซเชียลฟีเจอร์ของ Amity ไปต่อเข้ากับแอปพลิเคชั่นหรือดิจิทัลแพลตฟอร์มเดิมของตนเองได้ง่ายขึ้น ทำให้บริษัทกลับมาเติบโตได้รวดเร็วอีกครั้ง จากการเพิ่มช่องทางขายผ่าน AWS Marketplace

ทั้งนี้มองว่า SaaS เป็นโมเดลธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตให้ได้อย่างยั่งยืน เพราะเมื่อลูกค้าเลือกใช้แล้วก็มักใช้งานต่อเนื่อง ทั้งมีกำไรมากกว่าด้วย แม้ในแง่การเติบโตอาจไม่เร็วเหมือนโมเดลธุรกิจแบบอีคอมเมิร์ซ แต่มั่นคงกว่ามาก

ดัน บ.ไทยเกาะเทรนด์ SasS

“ช้า แต่ชัวร์กว่า แต่ในไทยแทบจะไม่มีบริษัทไทยที่เป็น SaaS เลย มีแต่บริษัทอย่างไมโครซอฟท์ที่ใหญ่มาก ๆ ซึ่งโมเดลธุรกิจนี้เป็นโกลบอลเพลย์ คือใหญ่แล้วใหญ่เลย และคุมทั่วโลก เชื่อว่าเทคอีโคซิสเต็มไทยจะประสบความสำเร็จได้ต้องมีบริษัท SaaS มากกว่านี้ โมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซขึ้นเร็วก็ลงเร็ว ฟินเทคก็เหมือนกัน ทั้งยังทำกำไรไม่ง่าย ต่างจากบิสซิเนสโมเดลของ SaaS”

นายกรวัฒน์เปรียบเทียบธุรกิจซอฟต์แวร์ในปัจจุบันและอนาคต ว่าเหมือนการสร้างบ้านสักหลังที่ในอดีตต้องสร้างทุกส่วนขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะห้องน้ำ ห้องครัว และอื่น ๆ แต่ทุกวันนี้ซื้อแต่ละส่วนมาประกอบกันได้ เช่นกันกับพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่สามารถซื้อแพ็กเกจสำเร็จรูปมาปลั๊กอินเข้าไปได้เลย เรียกว่า SDK (Software Development Kit) ซึ่ง Amity เป็นระบบหลังบ้านที่ดูแล การสร้าง “โซเชียล คอมมิวนิตี้” ให้กับธุรกิจต่าง ๆ

ปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้ามากกว่า 100 ราย มีลูกค้าของลูกค้าใช้งานบนแพลตฟอร์มกว่า 20 ล้านคนทั่วโลก เป็นบริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งในอเมริกา, ยุโรป และอาเซียน เช่น บริษัทเพอร์นอต ริคาร์ด บริษัทแอลกอฮอลล์ใหญ่อันดับสองของโลก, ยูนิลีเวอร์, เบเลย์ สก็อตต์ แอนด์ ไวท์เฮลธ์ ที่มีเครือข่ายโรงพยาบาลกว่า 40 แห่งในอเมริกา เป็นต้น

“ถ้าดูในมาร์เก็ตเพลซ และทั่วโลก โปรดักต์ของเรายังไม่มีคู่แข่ง เป็นเวอร์ติคอลที่ใหม่ เป็นนิวเซ็กเมนต์ นิวแคทิกอรี่ไม่มีคู่แข่งตรง ๆ อาจมีคู่แข่งในอเมริกาที่ทำ chat plug in ได้ แต่เป็นคอมมิวนิตี้แบบเรายังไม่มี เราถึงมีลูกค้าทั้งใหญ่เล็ก ยูนิคอร์น สตาร์ตอัพ เทรดิชั่นนอล เอ็นเตอร์ไพรซ์

ทุกแบบความตั้งใจของเราคือผลักดันตลาดในอเมริกาและยุโรปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสร้างสเกลในธุรกิจ สร้างรายได้ เพื่อเมกชัวร์ว่าเราเป็น เวอร์ติคอลลีดเดอร์ได้”

AWS ฉายภาพเทรนด์โลก

ด้าน นายสแตนเลย์ ชาน หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรเทคโนโลยี ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัทอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) กล่าวว่า เทรนด์การใช้บริการซอฟต์แวร์แบบจ่ายตามการใช้งาน ขยับจากตลาดบีทูซีมายังตลาดบีทูบีมากขึ้น ซึ่งการลงทุนระบบไอทีด้านซอฟต์แวร์ขององค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกมีการเติบโตโดยเฉลี่ย 10% ต่อปี ซึ่งรูปแบบบริการซอฟต์แวร์บนระบบคลาวด์ หรือ SaaS มีโอกาสที่ใหญ่มาก และมีการเติบโตต่อเนื่อง

พร้อมอ้างอิงข้อมูลบริษัทวิจัยไอดีซีที่ระบุว่า 30% ของซอฟต์แวร์ที่มีการซื้อในปีนี้ คือบริการ SaaS และคาดด้วยว่าในอีก 8 ปี 80% ของการใช้ซอฟต์แวร์ขององค์กรจะเป็นในรูปแบบนี้ ทั้งพบอีกว่าธุรกิจต่าง ๆ ตัดสินใจเร็วมากขึ้น โดย 85% ใช้เวลาที่น้อยกว่าหกเดือน ทำให้การซื้อซอฟต์แวร์ในปัจจุบันเหมือนการเลือกซื้อแอปพลิเคชั่นใน “แอปสโตร์”

และเอมิตี้เป็นตัวอย่างที่น่าตื่นเต้นของบริษัทไทยที่เข้าไปอยู่ในตลาดระดับโลกได้ทำให้เข้าถึงคนซื้อจากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น

“เราจะช่วยให้เอมิตี้เติบโตไปกับตลาดที่กำลังเติบโต และเก็บเกี่ยวโอกาสใหม่ ๆ เหล่านี้ ในฐานะ AWS Partner Network ซึ่งจะได้รับประโยชน์ต่าง ๆ นอกจากเทคโนโลยีแล้ว ยังช่วยทำการตลาด และช่วยขายซอฟต์แวร์ให้ด้วย ในฐานะคู่ค้า AWS มีหน้าที่ช่วยเอมิตี้หาตลาดโดยเร็วที่สุด

สิ่งที่เราโฟกัสคือ การช่วยบริษัทซอฟต์แวร์สร้างซอฟต์แวร์ที่สเกลได้ทั่วโลก และสามารถให้บริการกับลูกค้าที่ไหนก็ได้ และ 90% ของบริษัทฟอร์จูนท็อป 100 ใช้บริการจาก APN หรือ AWS Partner Network”


ผู้บริหาร AWS ทิ้งท้ายด้วยว่า “เอมิตี้” เป็นตัวอย่างของผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้ลูกค้า และสร้างดิสรัปชั่นให้ตลาดซอฟต์แวร์ด้านบริการ ซึ่งบริษัทพร้อมให้การสนับสนุนในหลายรูปแบบ ตั้งแต่ด้านเทค, การทำตลาด การขาย การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย แม้แต่การคิดค่าบริการซึ่งมีหลายแบบ เพื่อสร้างความแตกต่าง และทำให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมามีความทันสมัย ปลอดภัย และมีเสถียรภาพ