Salesforce เผย องค์กรควรใช้ประโยชน์จากเอไอทุกขั้นตอน

เซลส์ฟอร์ซ ชูกลยุทธ์ “Business Intimacy” ช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพและการเติบโตของธุรกิจ ชี้ ใช้ประโยชน์จากออโตเมชั่นและ AI ในทุกขั้นตอน และการปรับตัวขององค์กรยังไม่สิ้นสุด

วันที่ 14 มีนาคม 2566 นายอามิท ซักซีน่า รองประธานประจำภูมิภาคอาเซียน เซลส์ฟอร์ซ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม CRM สำหรับการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ ได้เผยแพร่บทความ “ขับเคลื่อนประสิทธิภาพและการเติบโตของธุรกิจด้วย Business Intimacy: กลยุทธที่ซีไอโอไม่ควรมองข้าม”

ผู้นำทางธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมต่างกำลังเผชิญกับโจทย์ที่ท้าท้าย นั่นคือ การพัฒนาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของธุรกิจให้เพิ่มขึ้นท่ามกลางปัญหาด้านความไม่แน่นอนโดยเฉพาะ อย่างยิ่งทางเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้หากเหล่าซีไอโอ และผู้นำด้านไอทีของธุรกิจมีความรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเชิงธุรกิจให้ทวีเพิ่มขึ้นก็จะสามารถช่วยให้องค์กรของพวกเขาก้าวผ่านช่วงเวลาอันแสนท้าทายนี้ไปได้

เมื่อมีเป้าหมายที่สูง เหล่าซีไอโอและทีมของพวกเขาจำเป็นต้องช่วยให้ทุกฝ่ายภายในองค์กรสามารถบริหารจัดการหน้าที่ต่าง ๆ ที่มากขึ้นได้โดยใช้เครื่องมือและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเต็มที่ มากไปกว่านั้น การที่จะประสบความเร็จได้ ซีไอโอจำเป็นต้องปรับใช้กลยุทธ์ “Business Intimacy”หรือความใกล้ชิดทางธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างความมั่นใจว่าระบบการทำงานของทุกฝ่ายภายในบริษัทให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อเข้าใจความต้องการของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง

ซีไอโอสามารถเพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วมและหน้าที่ของตนเพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับองค์กรโดยการนำเอาทัก
ษะและกระบวนการปฏิบัติงานชุดใหม่มาสู่บทบาทผู้บริหารในสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไปจากเดิม

ชูกลยุทธ์ “Business Intimacy”

การทำความใกล้ชิดกับพันธมิตรหลักทางธุรกิจจะช่วยให้ซีไอโอสามารถจัดลำดับความสำคัญได้อย่างมีประสิ
ทธิภาพแม้ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณ

รวมถึงหน้าที่ในการส่งมอบเทคโนโลยีที่พันธมิตรเหล่านี้ต้องการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนาผลลัพธ์
และลดต้นทุน

ดังนั้นการที่จะสามารถทำสิ่งดังกล่าวนี้ได้ สิ่งแรกที่ซีไอโอต้องทำความเข้าใจคือ ความต้องการทางธุรกิจในมุมกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดลำดับความสำคัญ ระบุปัญหา เข้าใจกระบวนการต่าง ๆ ไปจนถึงการลงทุน และสำคัญที่สุดคือ เทคโนโลยีที่ฝ่ายต่าง ๆ กำลังใช้งานอยู่ ซึ่งทันทีที่ซีไอโอเข้าใจภาพรวมทั้งหมดก็จะสามารถสนับสนุนทีมต่าง ๆ ในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

เมื่อใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจลำดับความสำคัญกลยุทธ์ของพันธมิตรทางธุรกิจทั่วทั้งทีมฝ่ายขาย ฝ่ายการบริการ ฝ่ายการตลาด ฝ่ายการพาณิชย์ รวมไปถึงฝ่ายไอที ทรัพยากรบุคคล ฝ่ายการเงิน เป็นต้น
ซีไอโอจะสามารถเข้าใจการดำเนินธุรกิจและเทคโนโลยีทั้งในมุมกว้างและเฉพาะด้าน

มุ่งสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงานและสร้างผลกำไร

การรักษาธุรกิจให้ยั่งยืนและยืดหยุ่น เพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จในปัจจุบัน (Success Now) ไม่ใช่เรื่องง่าย และดูเหมือนจะท้าทายมากขึ้นเรื่อย ๆ

ยุคการทำงานรูปแบบ “doing more with less” หรือการทำงานที่เยอะขึ้นด้วยทรัพยากรที่จำกัดได้ผ่านไปแล้ว การทดลองและทดสอบที่ผ่านมาได้นำหลาย ๆ องค์กรมาถึงจุดที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบัน แต่กลับไม่ใช่สิ่งที่จะนำพาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จในอนาคตได้อีกต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสถานการณ์ที่ปั่นป่วนในปัจจุบัน เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น องค์กรต่าง ๆ จำเป็นต้องเปลี่ยนความคิดจากแบบ startup อย่าง “High-growth at high-cost” มาเป็นวิสัยทัศน์ที่จะส่งเสริมความเป็นเลิศในการดำเนินงาน พร้อมทั้งสร้างผลกำไรจากการทำงานแบบ “More with more” หรือทำได้มากขึ้นกว่าเดิม

สำหรับเหล่าซีไอโอ ความไม่ต่อเนื่องในกระบวนการทำงานของแต่ละภาคส่วนในองค์กรส่งผลต่อธุรกิจ
การทำงานที่ซ้ำซ้อนของคนในทีม ความไม่ชัดเจนในบทบาทความรับผิดชอบของพนักงานแต่ละคนซึ่งสร้างความสับสนให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ การปรับขนาดทีมไอทีซัพพอร์ทและพัฒนาการดำเนินงานคือความหมายที่แท้จริงของการทำงานแบบ “more with more” นั่นก็คือการเพิ่มความแม่นยำในการปฏิบัติงาน เพิ่มออโตเมชั่นเข้ามา เพิ่มการอบรมเทรนนิ่ง ไปจนถึงการเพิ่มความชัดเจนในหน้าที่และความรับผิดชอบ
และเพิ่มการปรับตัวที่ยืดหยุ่นเพื่อไปสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงานนั่นเอง

ใช้ประโยชน์จากออโตเมชั่นและ AI ในทุกขั้นตอน

วันนี้ เหล่าซีไอโอและผู้นำทางธุรกิจต่างกำลังให้ความสำคัญกับการเติบโตที่มีประสิทธิภาพ ประหยัด
และเพิ่มผลผลิต ดังนั้นระบบอัตโนมัติและ AI จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้
พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตผลที่ส่งเสริมการเติบโตในระยะสั้นและระยะยาวสำหรับแผนกเทคนิคและ
นอกเหนือจากด้านเทคนิคอย่าง ฝ่ายขาย ฝ่ายบริการลูกค้า ฝ่ายการตลาด และฝ่ายการพาณิชย์ เป็นต้น

รายงาน State of Commerce ฉบับล่าสุดของ Salesforce เผยว่า 45%ของบริษัทคอมเมิร์ซทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการทำงานด้วยออโตเมชั่นในช่วงเวลา 2 ปีนี้ สำหรับในประเทศไทยบริษัทคอมเมิร์ซเกินครึ่ง (60%) กำลังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้วยออโตเมชั่นในช่วงเวลาเดียวกัน

ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทยอย่าง แสนสิริ ใช้การสื่อสารแบบส่วนบุคคลกับลูกค้าเพื่อสื่อสารอย่างตรงความต้องการตลอดเส้นทาง Customer Journey ของลูกค้าแต่ละราย แสนสิริใช้ระบบการตลาดอัตโนมัติ(Marketing Automation) เพื่อทำการส่งอีเมลอัตโนมัติแจ้งเตือนลูกค้าเกี่ยวกับวันนัดหมายเข้าชมสถานที่ รวมถึงส่งข้อความที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้าที่ได้ทำการลงทะเบียนออนไลน์ไว้

ซึ่งสิ่งดังกล่าวนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับแสนสิริว่าธุรกิจกำลังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่ดี
เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายด้านการตลาด

ในขณะเดียวกัน Salesforce ได้ทำการสำรวจลูกค้ากว่า 3,500 ราย โดยพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว
ธุรกิจมีการใช้งานแอปพลิเคชันเพื่อดำเนินธุรกิจและจัดเก็บข้อมูลลูกค้าถึง  1,000  แอป ซึ่งส่งผลในทางลบอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และค่าใช้จ่าย

ในทางกลับกัน ผลสำรวจพบว่าองค์กรที่ใช้ Salesforce โดยเฉลี่ยสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านไอทีได้ประมาณ 25% และช่วยให้การทำงานของพนักงานมีประสิทธิภาพขึ้น 26% ดังนั้นออโตเมชั่นจึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดหน้าที่ “Work of work” ที่ทีมต่าง ๆ และแต่ละบุคคลต้องทำในแต่ละวัน ตัดการทำงานซ้ำ ๆ
ออกเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการทำงานและรายได้ไปพร้อมกัน

ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่องค์กรต่าง ๆ ต้องปรับตัว

ความใกล้ชิดทางธุรกิจหรือ “Business Intimacy” และการทำงานแบบ “More with more”
การใช้งานออโตเมชั่นและ AI รวมถึงการเน้นสร้างประสิทธิผล ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ซีไอโอจะสามารถขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้าได้พร้อมกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่สถานการณ์เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ซีไอโอจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ