ราคาคริปโตดีดกลับยกแผง รับข่าวสหรัฐ-อังกฤษอุ้ม SVB

คริปโตเคอร์เรนซี่ บิตคอยน์
(Photo by CHANDAN KHANNA / AFP)

ราคาและมูลค่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีพุ่งกลับมาอยู่ระดับปกติก่อนธนาคาร SVB ล่ม รับข่าวแบงก์อังกฤษเข้าซื้อธนาคาร พร้อมบริษัท Stable Coin ยืนยันเงินสำรองไม่ได้อยู่ใน SVB แต่ธนาคารอื่นยังอยู่ในระยะวิกฤต 

วันที่ 13 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า มูลค่าของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี เคลื่อนไหวกลับมาอยู่ที่ระดับ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในเช้าวันนี้ หลังจากที่ตกต่ำลงไปที่ 9.1-9.4 แสนเหรียญสหรัฐที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคาร Silicon Valley Bank ประกาศยุติกิจการ ทำให้บริษัทเทคโนโลยีและกองทุนเวนเจอร์แคปปิตอลตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สามารถถอนเงินได้ โดยเฉพาะบริษัท Circle ที่ออกเหรียญ Stable Coin สกุล USDC ที่คาดว่าสินทรัพย์ค้ำประกันเหรียญของตนอยู่ในธนาคารดังกล่าว

วันนี้ราคาคริปโตเคอร์เรนซีดีดกลับยกแผง นำโดยบิตคอยน์เจ้าตลาด บวก 10% ในรอบ 24 ชม. จากที่หวั่นหลุดแนวรับสำคัญที่ 20,000 เหรียญสหรัฐ/BTC ขณะที่เขียนรายงานนี้ ราคากลับมาที่ระดับ 22,000 เหรียญสหรัฐ อีเธอเรียม บวก 10% จากราคา 1,500 เหรียญสหรัฐ กลับมาที่ 1,600 เหรียญสหรัฐอีกครั้ง นอกจากนี้ปริมาณเม็ดเงินได้ไหลกลับเข้าสู่ตลาดคริปโตเฉียด 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ดันมูลค่าตลาดกลับมาที่ 1.029 ล้านล้านเหรียญสหรัฐอีกครั้ง

สถานการณ์ดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นหลังจากบริษัทคริปโตฯ นำโดย Circle ได้ออกมายืนยันว่าสินทรัพย์สำรองของตนปลอดภัย 100%

นอกจากนี้ มีความชัดเจนในการช่วยเหลือธนาคาร SVB โดย BBC รายงานว่า บรรดานายธนาคารใน Bank of London ได้มีการยื่นข้อเสนอประมูลกิจการของธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ (SVB) ในสหราชอาณาจักร หลังจากที่ธนาคารล่มและทำให้เงินฝากของลูกค้าตกอยู่ในความเสี่ยง เฉพาะในอังกฤษมีบริษัทสตาร์ตอัพกว่า 200 แห่งที่จะไม่สามารถจ่ายเงินให้พนักงานตั้งแต่วันจันทร์ หากไม่มีการแทรกแซง

SVB สาขาสหราชอาณาจักรเข้าสู่ภาวะล้มละลายตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ ผู้ฝากเงินแต่ละคนได้รับเงินประกัน 85,000 ปอนด์จากโครงการประกันเงินฝากของสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตามหลายคนมีเงินมากกว่าที่เก็บไว้กับธนาคาร

นายแอนโธนี่ วัตสัน หัวหน้า Bank of London กล่าวว่า

“เราไม่สามารถปล่อยให้ ธนาคาร Silicon Valley Bank ล้มเหลวได้ เนื่องจากมีการให้บริการแก่ชุมชนอย่างมีนัยสำคัญ นี่เป็นโอกาสพิเศษที่จะทำให้สหราชอาณาจักรมีภาคการธนาคารที่หลากหลายมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้สามารถให้บริการแก่ฐานลูกค้าในสหราชอาณาจักรของ SVB ได้อย่างต่อเนื่อง”

อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ธนาคารอีกแห่งที่เป็นแหล่งฝากเงินของบริษัทคริปโต คือ Signature Bank ได้ปิดสำนักงานโดยคำสั่งของหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐ ซึ่งบริษัทคริปโตบางราย เช่น Ripple ผู้ออกเหรียญ XRP มีเงินฝากอยู่ในธนาคารนี้ และธนาคารนี้มีขนาดใหญ่กว่า SVB จึงยังอยู่ในวิกฤตที่เสี่ยงล้มเป็นโดมิโน

CNBC รายงานว่า ฝั่งสหรัฐเองก็มีการประกาศว่าจะเข้ามาแทรกแซงและปกป้องเงินฝากของลูกค้า SVB และ Signature Bank ที่ปิดสำนักงานในนิวยอร์กเมื่อวันอาทิตย์เนื่องจากความหวาดกลัวว่าจะเกิดการตื่นตระหนกและแห่ถอนเงิน

กระทรวงการคลังสหรัฐ กำหนดให้ทั้ง SVB และ Signature เป็นความเสี่ยงเชิงระบบ โดยให้อำนาจในการผ่อนคลายสถาบันทั้งสอง โดยการ “ปกป้องผู้ฝากทั้งหมดอย่างเต็มที่” กองทุนประกันเงินฝากของ FDIC จะถูกใช้เพื่อคุ้มครองผู้ฝากเงิน ซึ่งหลายคนไม่มีประกันเนื่องจากวงเงินประกันสูงสุดอยู่ที่ 250,000 เหรียญสหรัฐ 

ธนาคารกลางสหรัฐยังกล่าวอีกว่ากำลังสร้างโครงการ Bank Term Funding Program (BTFB) ใหม่ มุ่งเป้าไปที่การปกป้องสถาบันที่ได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นคงของตลาด จากการล่มสลายของ SVB ตามที่ระบุใน แถลงการณ์ร่วมจากประธานคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ Jerome Powell, Janet Yellen รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ Martin Gruenberg ประธาน FDIC ว่า

“วันนี้ เรากำลังดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐด้วยการเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบธนาคารของเรา”

เฟดจะเสนอเงินกู้สูงสุดหนึ่งปีแก่ธนาคาร สมาคมออมทรัพย์ เครดิตยูเนี่ยน และสถาบันอื่น ๆ ผู้ที่ใช้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือของเฟดนี้ จะต้องจำนำหลักประกันคุณภาพสูง เช่น ตราสารหนี้ของหน่วยงาน และหลักทรัพย์ค้ำประกัน

“การดำเนินการนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของระบบธนาคารในการปกป้องเงินฝากและรับประกันการจัดหาเงินและสินเชื่ออย่างต่อเนื่องให้กับเศรษฐกิจ ธนาคารกลางสหรัฐ เตรียมพร้อมรับมือกับแรงกดดันด้านสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้น” เฟดกล่าวในแถลงการณ์

กระทรวงการคลังกำลังจัดหาเงินสูงถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์จาก Exchange Stabilization Fund เพื่อเป็นฐานสนับสนุนสำหรับการสูญเสีย เจ้าหน้าที่อาวุโสของเฟดกล่าวว่าโครงการกระทรวงการคลังนี้ จะไม่จำเป็นและจะมีไว้เพื่อป้องกันไว้เท่านั้น