“Apple” วางแผนยกเครื่อง “iPad Pro” ในรอบ 5 ปี หลังยอดขาย iPad ในไตรมาส 3 ตามปีงบประมาณ 2567 ลดลงเป็นเลขสองหลัก อีกทั้งภาพรวมตลาดยังคงซบเซา เพราะคอนซูเมอร์มีความจำเป็นใช้แท็บเลตน้อยลง
วันที่ 28 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ยักษ์ “แอปเปิล” (Apple) วางแผนยกเครื่อง “iPad Pro” หนึ่งในผลิตภัณฑ์เรือธงครั้งใหญ่ หลังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการปรับเปลี่ยนดีไซน์มาตั้งแต่ปี 2561
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- ทูลเกล้า 11 รายชื่อคณะรัฐมนตรี เศรษฐา 1/1 ออก 4 เข้าใหม่ 6 ตำแหน่ง
iPad Pro รุ่นใหม่ใช้ชื่อรหัสในการพัฒนาว่า J717, J718, J720 และ J721 รวมถึงจะมีการเปลี่ยนไปใช้ชิป M3 เป็นขุมพลังหลัก และจะเป็นแท็บเลตรุ่นแรกของ Apple ที่ใช้จอแสดงผล OLED แบบเดียวกับที่ใช้บน iPhone นับตั้งแต่รุ่น X ในปี 2560 ซึ่งให้ความคมชัดมากกว่าและสร้างสีได้แม่นยำยิ่งขึ้น
โดย iPad Pro รุ่นใหม่จะมาในขนาด 11 นิ้ว กับ 13 นิ้ว และ Magic Keyboard เวอร์ชั่นใหม่ที่มีการปรับปรุงขนาดแทร็กแพดให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะทำให้ iPad Pro ดูเหมือนแล็ปทอปมากกว่ารุ่นปัจจุบัน
ทั้งนี้ การพัฒนา iPad Pro รุ่นใหม่มีวัตถุประสงค์ในการรีเฟรชผลิตภัณฑ์ เพื่อกระตุ้นยอดขาย iPad หลังจากที่ยอดขายในไตรมาส 3 ตามปีงบประมาณ 2567 อยู่ที่ 5.79 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็นเลขสองหลัก ถือเป็นยอดขายระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก IDC ยังระบุว่า สัดส่วนการจัดส่งสินค้าของ Apple ในไตรมาส 2/2566 ลดลง 17% ซึ่งผู้ผลิตรายอื่น ๆ เช่น ซัมซุง (Samsung) และเลอโนโว (Lenovo) ก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน เนื่องจากคอนซูเมอร์ไม่ได้มีความจำเป็นในการใช้งานแท็บเลตอย่างเร่งด่วนเท่ากับช่วงที่โควิด-19 ระบาด อีกทั้งคอนซูเมอร์จำนวนมากยังซื้อสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้แท็บเลตมีความจำเป็นน้อยลง
ถึงแม้ Apple จะต้องเผชิญกับความท้าทายในการพลิกยอดขาย iPad แต่สถานการณ์โดยรวมยังถือว่าดีกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ และครองตำแหน่งผู้นำตลาดแท็บเลตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีสัดส่วนการจัดส่ง iPad 37% ในไตรมาสที่แล้ว คิดเป็นประมาณ 11 ล้านเครื่อง
