“ประเสริฐ” ชูแผนงาน “The Growth Engine of Thailand” ดัน “ดิจิทัล” เป็นเครื่องยนต์ประเภทที่ 5 ในการขับเคลื่อนประเทศ พร้อมประกาศแผน “quick win” 5 ภารกิจทำทันที เห็นผลในระยะสั้น กรอบเวลาไม่เกิน 1 ปี
วันที่ 14 กันยายน 2566 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประชุมหารือและมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงดิจิทัลฯ โดยภายหลังการประชุมมอบนโยบายและทิศทางการดำเนินงานสำคัญของกระทรวงดิจิทัลฯ ระบุว่า
- กรมอุตุฯเตือน 6-12 พ.ค.นี้ ลมเปลี่ยนทิศ-แปรปรวน ฝนตกหนัก ท่วมฉับพลัน
- เปิดราคา Trade In “iPad” ก่อนเปิดตัวรุ่นใหม่ ลดสูงสุด 23,200 บาท
- ศุภวุฒิ สายเชื้อ : แบงก์ชาติเป็นหน่วยงานรัฐ กฎหมายไม่มีคำว่า “อิสระ”
นโยบายการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลฯ จะอยู่ภายใต้แผนงาน “The Growth Engine of Thailand” หรือเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ
“ในอดีตเครื่องยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนประเทศมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ การลงทุน การส่งออก การบริโภค และการท่องเที่ยว แต่ในช่วงโควิดที่ผ่านมา เครื่องยนต์ทั้ง 4 ประเภททำงานได้ไม่เต็มที่ กระทรวงจึงเสนอ ‘ดิจิทัล’ เป็นเครื่องยนต์ประเภทที่ 5 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”
โดยแผนงาน The Growth Engine of Thailand จะแบ่งกรอบการทำงานเป็น 3 เครื่องยนต์ย่อย ดังนี้
เครื่องยนต์ที่ 1 : ยกระดับขีดความสามารถของประเทศ (Competitiveness)
กระทรวงดิจิทัลฯ จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างโอกาสจากโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศอย่างจริงจัง โดยจะเร่งพัฒนาระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ให้มีการใช้งานที่สอดคล้องกับการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม สร้างโอกาสความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนผ่านโครงข่ายการสื่อสารระหว่างประเทศสู่ระดับนานาชาติ เน้นบทบาทการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายเคเบิลใต้น้ำผ่านกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาค
การขยายโอกาสผ่านเส้นทาง One-belt และ China Plus One เร่งรัดและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการค้าออนไลน์และ E-commerce ลดความยุ่งยากในการใช้ National Digital ID หรือระบบพิสูจน์ยืนยันตัวตนของผู้รับบริการภาครัฐและเอกชนผ่านระบบออนไลน์ เตรียมพร้อมรองรับยุคเศรษฐกิจ AI อีกทั้งเร่งให้เกิดแผนแม่บทการส่งเสริมการพัฒนา AI โดยเฉพาะการวางแนวทางการเยียวยาความเสียหายจากความผิดพลาดของ AI (Responsible AI) อย่างมีทิศทาง
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ จะเร่งสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของไทยสู่เวทีโลกจากเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านแผนงานการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของ Digital Startup เน้นการสร้างระบบ Co-Investment และกองทุนเพื่อการพัฒนา Digital Startup Go Global ยกระดับศักยภาพการสร้างรายได้ของเกษตรกร สนับสนุนผู้ประกอบการ
โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น New World of Digital Content and E-Sports และเป็นจุดหมายทางการค้า การลงทุนในเวทีโลก ส่งเสริมการลงทุนจัดตั้งธุรกิจ OTT Platform ในประเทศไทย พร้อมเร่งประสานแก้ไขปัญหาเพื่อให้การจัดตั้งธุรกิจมีความสะดวกและเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีธุรกิจประเภทต่าง ๆ
โดยมุ่งพัฒนามาตรการหรือสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนเพื่อให้ไทยเป็นระบบนิเวศที่แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการปรับตัวไปก่อนหน้าได้ อีกทั้งพัฒนา National Platforms เพื่อเป็นส่วนช่วยในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ
อีกทั้งสร้างสังคมดิจิทัลด้วยการเปิดโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้แก่เด็กและเยาวชนผ่านการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน สร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนไทยสามารถสืบค้นข้อมูลในห้องสมุดโลกผ่านระบบ AI ที่มีความปลอดภัยและมีความถูกต้องของข้อมูล ยกระดับชุมชนสู่การเป็นชุมชนดิจิทัล (One Community One Digital)
โดยส่งเสริมให้ชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างรายได้และก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของรัฐบาลดิจิทัล โดยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงเปิด API ให้ประชาชนและภาคเอกชนสามารถใช้ประโยชน์ได้สะดวกยิ่งขึ้น
พร้อมเร่งรัดให้เกิดบริการภาครัฐแบบ One Stop Service พัฒนาระบบ One Wallet ส่งเสริมการนำเทคโนโลยี Blockchain และ Smart Contracts มาใช้สร้างกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนและธุรกิจภาคเอกชนสามารถเข้าถึงการบริการได้สะดวก ปลอดภัย โดยจะเปิดโอกาสให้ Digital Startup ไทยเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบ
และกระทรวงดิจิทัลฯ จะสร้างเครือข่ายนานาชาติและ Digital Diplomacy เชิงรุกระหว่างประเทศ โดยเตรียมความพร้อมเข้าเป็นสมาชิก Organization for Economic Cooperation and Development (OECD) และร่วมมือกับหน่วยงานด้านดิจิทัลระหว่างประเทศในเวทีพหุภาคี
เพื่อส่งเสริมและกระชับความร่วมมือเชิงรุกในรูปแบบทวิภาคีกับประเทศแถวหน้าด้านดิจิทัล และเร่งสร้าง Mega Program พลิกโฉมประเทศไทย ผ่านการพัฒนา ASEAN Digital HUB โดยการขยายผลโครงการ Thailand Digital Valley ให้เชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone) และขยายเขตเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ทั่วประเทศ
เครื่องยนต์ที่ 2 : ความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัล (Safety & Security)
กระทรวงดิจิทัลฯ จะเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผ่านแผนงานการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์โดยเร่งด่วน และจะประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบและจับกุมผู้เปิดบัญชีแทน/บัญชีม้าในประเทศไทย เว็บพนันออนไลน์ และมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพระบบการอายัดบัญชีให้ทันท่วงที ควบคู่ไปกับการป้องกันการจู่โจมทางไซเบอร์จากต่างประเทศผ่านแผนงานการสร้างศูนย์เตือนภัยไซเบอร์ (Cyber Alert Center) ที่มีประสิทธิภาพ
อีกทั้งยังส่งเสริมการยกระดับศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศทุกระดับ และเตรียมความพร้อมภาครัฐและภาคเอกชนด้านข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยการให้ความรู้และส่งเสริมให้เกิดความพร้อมด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงการส่งเสริมระบบคลาวด์กลางภาครัฐ ทั้งในระดับความมั่นคงปลอดภัยสูงสุดและระดับทั่วไป
เครื่องยนต์ที่ 3 : สร้าง พัฒนา ต่อยอดทุนมนุษย์ (Human Capital)
กระทรวงดิจิทัลฯ จะให้ความสำคัญกับการผลิตเมล็ดพันธุ์ดิจิทัล สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ผ่านการสร้างโรงเรียนโค้ดดิ้งสำหรับเด็กไทยทุกคน (Coding Thailand) และสร้างห้องเรียนทางเลือกให้เด็กมีสิทธิเลือกเรียนวิชาชีพอนาคต ตรงใจ ตรงตัว ตรงงาน รวมถึงการสร้างเด็กอาชีวะดิจิทัล (Digital Skills for Future Industries)
อีกทั้งกระทรวงดิจิทัลฯ จะสนับสนุนให้แรงงานไทยมีทักษะและความรู้ด้านดิจิทัล โดยการสร้างห้องเรียนฟรีสำหรับคนไทยวัยทำงาน จัดให้มีห้องเรียนเปิดด้านดิจิทัล หรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ของคนไทย เรียนฟรี 24 ชั่วโมง ช่วยให้คนวัยทำงานทุกคนมีโอกาส Upskill และ Reskill ทักษะที่เหมาะสมกับตัวเอง และทักษะอื่นที่จำเป็นสำหรับงานในโลกอนาคต และจัดให้มีมาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นการพัฒนาทักษะดิจิทัล (Incentives for Thais)
เพิ่มกำลังคนดิจิทัลในสาขาขาดแคลน โดยการพัฒนาระบบการศึกษาด้านดิจิทัลรูปแบบเปิด (Open Digital University) มุ่งพัฒนาระบบการเรียนบนโลกดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาสให้คนไทยได้เรียนกับมหาวิทยาลัยชั้นนำหรือบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลระดับโลกผ่านระบบ 5G และสร้างโอกาสด้านดิจิทัลให้คนกลุ่มเปราะบาง ผ่านแผนงาน Digital for ALL หรือการพัฒนาทักษะดิจิทัลสำหรับผู้สูงวัยและผู้พิการ เพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิต มีงานทำ และมีรายได้
นอกจากนี้ นายประเสริฐยังกล่าวถึง 5 ภารกิจเร่งด่วน (quick win) ที่สามารถทำได้ทันทีและเห็นผลในระยะสั้น หรือกรอบเวลาไม่เกิน 1 ปี ซึ่งบางภารกิจอาจเห็นผลตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือน หลังจากเริ่มปฏิบัติงาน ได้แก่
1. จัดตั้งศูนย์เตือนภัยไซเบอร์ (Cyber Alert Center) เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน ป้องกัน และเตือนภัยการหลอกลวง
2. เร่งส่งเสริมชุมชนดิจิทัลโดรนใจ ตามแผนการดำเนินงานยกระดับชุมชนสู่การเป็นชุมชนดิจิทัล หรือ One Community One Digital ไม่น้อยกว่า 500 ชุมชน 50 ธุรกิจ ครอบคลุมพื้นที่ 4 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับเกษตรกร
3. เร่งสร้างและพัฒนาอาชีพในอุตสาหกรรมเกมและกีฬา E-Sports แก่เยาวชนไทยมากกว่า 80,000 คน โดยคาดว่าจะเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
4. แก้ไขปัญหาการขาดแคลนกำลังคนแก่ภาคอุตสาหกรรมผ่าน Global Digital Talent Visa เพื่อดึงดูดเด็กที่จบจากมหาวิทยาลัย Top 600 ระดับโลก มาเสริมทัพในตำแหน่งที่ยังขาดแคลน เช่น data scientist เป็นต้น
5. สร้างบุคลากรสำหรับการทำงานด้านสถิติและดิจิทัลในแต่ละจังหวัด รวมถึงผลักดัน “1 อำเภอ 1 IT Man” เพื่อสนับสนุนการทำงานของกระทรวงดิจิทัลฯ และเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ