คนไทยใช้ LINE Group Chat ทำงานเป็นอันดับต้นของโลก

LINE

LINE ประเทศไทย วาง 3 โรดแมป 4 กลยุทธ์ก้าวสู่ “open platform” ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มสำหรับชีวิตยุคดิจิทัล พร้อมเผยสถิติการใช้งาน Group Chat ของคนไทย พบ 83% ของคนที่ใช้ Group Chat มีกลุ่มสำหรับทำงานที่มีการใช้งานทุกวัน

วันที่ 26 กันยายน 2566 ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย กล่าวว่า 12 ปีก่อน LINE ตั้งต้นจากการเป็นแอปแชทก่อนจะค่อย ๆ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน ภายใต้พันธกิจ “Closing the Distance” และเป็นแอปพลิเคชั่นที่ผู้คนไว้วางใจในการทำสิ่งต่าง ๆ

ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา
ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE

ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนตามแนวคิด “LIFE ON LINE” ที่เราพยายามผลักดันมาตั้งแต่ปี 2562 เพื่อตอกย้ำการเป็นโครงสร้างพื้นฐานชีวิตในยุคดิจิทัล (Life Infrastructure) จึงมีการผลักดันทีมนักพัฒนาประจำประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี “Hyper-Localized” หรือแนวคิดของการออกแบบเทคโนโลยีให้เข้ากับคนไทย สร้างโอกาสการเติบโตในยุคดิจิทัลอย่างมั่นคงและยั่งยืน

“หลังจากที่เราผลักดันแนวคิด LIFE ON LINE มาได้ไม่นานก็เข้าสู่ช่วงที่โควิด-19 ระบาด ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้ใช้งานของเราเพิ่มขึ้น และในปัจจุบัน LINE มีผู้ใช้งาน 54 ล้านคน คิดเป็น 90% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในไทย ส่วนบัญชี LINE Official Account (LINE OA) ก็เพิ่มจำนวนจาก 2 ล้านบัญชี เป็น 6 ล้านบัญชี ยิ่งไปกว่านั้น เราได้เห็นการที่หน่วยงานภาครัฐนำ LINE OA ไปใช้ในการพัฒนาบริการให้ประชาชนเข้าถึงง่ายมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดหวังว่าในอนาคตเราจะมีบริการหรือโซลูชั่นอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้งานมากขึ้น”

นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “แชต” เป็นจุดแข็งของ LINE ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Group Chat ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนไทย สะท้อนจากสถิติการเติบโตที่สูงขึ้นกว่า 56% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และ Group Chat ที่มีการใช้งานในปัจจุบันยังมีจำนวนมากกว่า 10 ล้านกลุ่ม รวมถึงอัตราการส่งข้อความประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ (68%), ไฟล์ (67%), เสียง (33%) และวิดีโอ (21%) ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าประเทศอื่นทั่วโลก

นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร
นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ LINE

“จากผลสำรวจ LINE ประเทศไทยพบว่า หมวดหมู่ Group Chat ยอดนิยม ได้แก่ กลุ่มเพื่อน (82%), ครอบครัว (80%), ที่ทำงาน (77%) และโรงเรียน (27%) ซึ่งผู้ใช้งานกว่า 77% ระบุว่ากลุ่มแชตครอบครัวช่วยให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างช่วงวัยมากขึ้น โดยกลุ่มผู้ใช้งานที่มีบทบาท Group Chat ครอบครัวมากที่สุด คือกลุ่มที่มีอายุ 15-19 ปี  (45%) รองลงมาคือกลุ่มที่อายุ 50 ปีขึ้นไป (37%) รวมถึงผู้ใช้งาน 1 คน จะมีกลุ่ม LINE เกี่ยวกับการทำงานเฉลี่ย 9 กลุ่ม, ครอบครัว 4 กลุ่ม และเพื่อน 7 กลุ่ม”

ADVERTISMENT

นายนรสิทธิ์กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกัน Group Chat ยังช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดสังคมการทำงานที่มีประสิทธิภาพกว่าในอดีต นำมาสู่ความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ Work Group สำหรับคนไทย เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการทำงาน การใช้ชีวิต และครอบครัวไปด้วยกัน

“เราพบว่าคนที่ใช้ Group Chat กว่า 83% มีกลุ่มสำหรับทำงานที่แอ็กทีฟ 7 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งเรามองว่าการพัฒนาโซลูชั่นของ Group Chat ให้เหมาะกับการทำงานก็เป็นสิ่งที่สำคัญ จึงได้เริ่มเทสต์ระบบไปบางส่วน และพัฒนาฟีเจอร์เกี่ยวกับการจัดเก็บไฟล์ เพราะการที่ไฟล์มีอายุในการดาวน์โหลดก็เป็น pain point ของผู้ใช้งานส่วนใหญ่เช่นกัน รวมถึงเรายังตั้งใจให้ LINE Group Chat Solution เป็น open platform ที่มีนักพัฒนามากมายมาช่วยกันแพลตฟอร์มให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้น คาดว่าจะเริ่มมีฟีเจอร์ที่พร้อมใช้งานในช่วงปลายปี 2566 ถึงต้นปี 2567”

ADVERTISMENT

นายวีระ เกษตรสิน รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า LINE เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3-5 ปีจากนี้ LINE จะมุ่งสู่การเป็น “แพลตฟอร์มเปิด” (open platform) ที่พร้อมเปิดรับการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ผ่านการทำงานกับพันธมิตรที่หลากหลาย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทยในมิติของผู้ใช้งานและภาคธุรกิจโดยอาศัยแนวคิดตั้งต้นจากทีมงาน LINE ประเทศไทย

นายวีระ เกษตรสิน
นายวีระ เกษตรสิน รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ LINE

“จริง ๆ เราเริ่มพัฒนา open platform มาได้สักพักแล้ว แต่ตอนนี้ LINE ต้องการขยายโซลูชั่นไปในหลาย ๆ อุตสาหกรรม การร่วมมือกับพันธมิตรจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ซึ่งตัวอย่างของโซลูชั่นที่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง คือ LINE OA Plus แพลตฟอร์มรวบรวมโซลูชั่นสำหรับการทำการตลาดดิจิทัลบน LINE และ MyRestaurant โซลูชั่นบน LINE OA ที่ช่วยวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า ยอดขาย และหน้าเมนูร้านค้า ที่พัฒนาร่วมกับ LINE MAN Wongnai หรืออย่างในเดือน ธ.ค.นี้ จะมีการเปิดตัวโซลูชั่นเกี่ยวกับ CRM หรือการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า เพื่อรองรับการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับกลุ่มลูกค้า SME ต่อไป”

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนเป้าหมายในการเป็นแพลตฟอร์มเปิดของ LINE จะดำเนินไปตาม 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1.Extensive Plug-Ins : เปิดการเชื่อมต่อกับระบบหรือโซลูชั่นอื่น ๆ อย่างหลากหลาย ทั้งโซลูชั่นที่คิดค้นเพิ่มเติมโดย LINE และระบบที่พาร์ทเนอร์หรือนักพัฒนาทั่วไปได้พัฒนาขึ้นมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานชาวไทยในมิติที่กว้างและลึกขึ้น

2.Data Utilization : ส่งเสริมให้พันธมิตรและนักพัฒนาสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพอย่างไร้รอยต่อ นำไปสู่การใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างแท้จริง

3.Performance Marketing : เพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดบนแพลตฟอร์ม ด้วยศักยภาพการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลที่แข็งแกร่งขึ้น สร้างการเติบโตให้ภาคธุรกิจผ่านโซลูชั่นต่าง ๆ ของ LINE ได้อย่างยั่งยืน

4.Privacy Focused : คงไว้ซึ่งการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอย่างเคร่งครัด

LINE ประเทศไทย

นอกจากนี้ LINE ยังประกาศ 3 โรดแมป ยกระดับการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มเปิด เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานหลากหลายกลุ่ม ได้แก่

1.Customer Data Tools : เพิ่มขีดความสามารถในจัดการข้อมูลลูกค้าผ่านเครื่องมือ MyCustomer ในการเก็บรวบรวม 1st Party Data ของผู้บริโภค โดยให้อำนาจร้านค้าในการเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้มากกว่าที่เคย ภายใต้ขอบเขตการยินยอมจากผู้บริโภคตามกฎหมาย โดยมีแผนการเปิดตัว MyCustomer สำหรับกลุ่มธุรกิจรายย่อย (SME) และในอนาคต สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการทำ CRM โดยเฉพาะ

2.Ads Improvement : ปรับปรุงเครื่องมือสำหรับการโฆษณาบน LINE ให้สามารถวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้ข้อมูลที่แบรนด์ได้มาเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น เช่น การเพิ่ม Segment ในการหากลุ่มเป้าหมายผ่าน Persona Targeting ให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น และการเปิดให้ภาคธุรกิจ ร้านค้า สามารถนำข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคบน LINE SHOPPING มาวิเคราะห์แบ่งกลุ่ม เพื่อการยิงโฆษณาผ่าน LINE ADS ได้แม่นยำและครอบคลุมขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น

3.API & Plug-In : เปิดขยายการเชื่อมต่อ API ให้มีความหลากหลายและตอบโจทย์เฉพาะด้านได้อย่างครอบคลุมขึ้น เช่น LINE SHOPPING API, Messaging API รวมถึงแผนการเปิดตัว LINE OA Plus Plug-in Store แหล่งรวมโซลูชั่นสำหรับนักพัฒนานอกองค์กร LINE ในการนำเสนอโซลูชั่นใหม่ ๆ และยังเป็นโอกาสสำหรับภาคธุรกิจไทย ในการมองหาโซลูชั่นให้ตรงกับความต้องการ