เจาะอินไซต์ iPhone 15 พลังแบรนด์และการเป็น Tier-1

iphone15
iphone15

แม้ว่าการที่ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาต่อคิวหน้า Apple Store ตั้งแต่คืนก่อนหน้าของวันที่จะมีการจำหน่าย “ไอโฟน” (iPhone) รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในวันแรก (22 ก.ย.) จะเป็นภาพชินตาที่เห็นเกือบทุกปี แต่กับไอโฟน 15 (iPhone 15) ปีนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลงทำให้ไม่ได้มีแค่คนไทยเท่านั้นที่ไปต่อคิวรอซื้อในวันแรก แต่ปรากฏว่าในจำนวนผู้ที่ไปต่อคิวรอซื้อวันแรกเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยเช่นกัน

iPhone 15 Pro-Pro Max แรง

“นายปรัธนา ลีลพนัง” หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS กล่าวว่า หลังจาก AIS เปิดระบบให้ลูกค้าสั่งจอง iPhone 15 ล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา มีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดจองเกือบเต็มโควตาตั้งแต่ 30 นาทีแรก โดยเฉพาะในรุ่น Pro และ Pro Max ทำให้เหลือวางจำหน่ายหน้าร้านน้อยกว่ารุ่นธรรมดามาก

และเมื่อเทียบกับ iPhone 14 พบว่า ยอดจอง iPhone 15 สูงกว่าถึง 64% และคาดว่าในภาพรวมน่าจะสูงกว่า 20% เป็นผลมาจากการที่สินค้าลอตแรกเข้ามาเยอะกว่าด้วย และชัดเจนว่าความต้องการของผู้บริโภคระดับกลางถึงบนไม่มีปัญหาเรื่องกำลังซื้อ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้สมาร์ทโฟนระดับ top-tier ราคาสูงกว่า 2 หมื่นบาทอยู่แล้ว

ด้าน นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า ช่วงแรกของการจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่จะเป็นช่วงที่มีความต้องการสินค้าสูงกว่าปกติอยู่แล้วยิ่งประเทศไทยขยับมาเป็น tier-1 หรือประเทศกลุ่มแรกที่จำหน่าย iPhone 15 ยิ่งช่วยกระตุ้นยอดขายได้อีกทาง

“นอกจากการที่ไทยเป็น tier-1 ช่วยกระตุ้นให้ดีมานด์ในประเทศสูงขึ้นแล้ว จริง ๆ มีการคาดการณ์ด้วยว่า ปัจจัยที่จะทำให้คนหันมาใช้ iPhone 15 มากขึ้น เพราะ Apple เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C แทนพอร์ต Lightning ซึ่งเมื่อก่อนคนที่ใช้แอนดรอยด์อาจรู้สึกลังเลว่าเปลี่ยนไปใช้ iPhone ดีไหม เพราะไม่อยากพกสายชาร์จหลายอัน พอ Apple ตัดสินใจเปลี่ยนพอร์ต ก็ช่วยให้เขาตัดสินใจย้ายค่ายง่ายขึ้น”

จากข้อมูลของ Statista เปิดเผยว่า ณ เดือน มิ.ย. 2566 แอปเปิล (Apple) ครองสัดส่วนตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยมากที่สุด คิดเป็น 32.7% ตามด้วย “ซัมซุง” (Samsung) ที่ 18.39% สอดคล้องกับข้อมูลจาก International Data Corporation (IDC) ที่ระบุว่า ตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมยังคงแข็งแกร่ง โดย Apple อาจขาย iPhone ได้ถึง 6.68 แสนเครื่อง ในไตรมาส 1/2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ขายได้ประมาณ 4.95 แสนเครื่อง และมีโอกาสเพิ่มขึ้นด้วยเมื่อ Apple เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่

เจาะอินไซต์ตลาด iPhone

นายปรัธนากล่าวต่อว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยอดขาย iPhone รุ่นใหม่เติบโตอย่างต่อเนื่อง มาจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ และความสามารถในการรักษาฐานลูกค้าของ Apple แม้ว่าในภาพรวมแล้วสัดส่วนคนใช้แอนดรอยด์ในประเทศไทยจะมากกว่าคนใช้ iOS

แต่เฉพาะในกลุ่มสมาร์ทโฟน top-tier จะพบว่า Apple ครองที่หนึ่งอยู่แล้ว ฐานลูกค้าชัดว่าเป็นกลุ่มกลางถึงบน ประกอบกับคนที่ใช้ iPhone อยู่แล้วเปลี่ยนใจไปใช้ค่ายอื่นยาก เนื่องจากอีโคซิสเต็มของแบรนด์มีความแข็งแรง รวมถึงยังมีคนที่เตรียมจะย้ายค่ายมาอีก ดีมานด์จึงขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ

นอกจากนี้ นายศรัณย์เสริมว่า ธรรมชาติของผู้ใช้งาน iPhone มองการอัพเกรดมาที่รุ่น Pro หรือ Pro Max อยู่แล้ว ทำให้ยอดขายรุ่นที่เป็น top-tier สูงกว่ารุ่นธรรมดาที่เป็น consumer model หรือ mid-tier ในทุกปี

“ถ้าพูดถึงส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน ต้องแยกเป็นฝั่งแอนดรอยด์ และ iOS อย่างแอนดรอยด์กลุ่ม mid-tier จะทำยอดขายได้ดีแตะหลักแสนเครื่อง แต่กลุ่ม top-tier ทำยอดขายได้หลักพันเครื่องเท่านั้น ส่วนฝั่ง iOS รุ่น top-tier ขายดีมาก ๆ ทำให้ Apple สร้างรายได้ และกำไรได้มากกว่ารายอื่นหลายเท่าตัว เทียบกันแล้ว top-tier ของ Apple ขายดีกว่า top-tier ของแอนดรอยด์ประมาณ 5 เท่า”

ค่ายมือถือระดมโปรฯ-สิทธิพิเศษ

เมื่อมีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นธรรมเนียมของทุกปี คือค่ายมือถือทั้งเอไอเอส ทรู ดีแทค ต่างระดมอัดโปรโมชั่น และสิทธิพิเศษต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ โดยแต่ละรุ่นไม่ว่าจะเป็น iPhone 15 หรือ iPhone 15 Pro จะมีราคาให้เลือกทั้งแบบเครื่องเปล่า และพร้อมแพ็กเกจรายปี ซึ่งจะแตกต่างกัน

เช่น iPhone 15 ขนาด 128GB เอไอเอส ขายเครื่องเปล่าที่ราคา 32,900 บาท แต่ถ้าซื้อพร้อมแพ็กเกจรายปี (12 เดือน) ราคาเครื่องจะอยู่ที่ 24,100-29,800 บาท ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจรายเดือนที่เลือก และมีโปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 36 เดือนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

ในส่วนของสิทธิพิเศษอื่น ๆ AIS มีโปรแกรม “เก่าแลกใหม่” รับส่วนลดสูงสุด 35,000 บาท และให้ส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท เมื่อซื้อเฉพาะเครื่องเปล่า รวมถึงมีโปรแกรม “Guarantee Buy Back” หรือการการันตีรับซื้อคืนราคาสูงสุด 33,450 บาท เมื่อใช้แพ็กเกจหลักตั้งแต่ 699 บาทต่อเดือน (สัญญา 6 เดือน) โดยจะตรึงราคารับซื้อคืน iPhone 15ไปจนถึง 31 ม.ค. 2568 เพื่อนำมาเป็นส่วนลดในการซื้อ iPhone 16

“จริง ๆ ปีนี้เราเห็นเทรนด์ว่าลูกค้านิยมซื้อเครื่องเปล่ามากขึ้น เพราะเขาใช้แพ็กเกจที่ถูกใจอยู่แล้ว จึงมีการทำโปรโมชั่นสำหรับการซื้อเครื่องเปล่าด้วย ส่วน Guarantee Buy Back เป็นโปรแกรมที่ต้องการสร้างไมนด์เซตว่าลูกค้าสามารถใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ อัพเกรดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ทุกปีในราคาเอื้อมถึงได้” นายปรัธนากล่าว

ด้านทรู-ดีแทค ก็ไม่น้อยหน้ามีการชูโปรแกรม “เก่าแลกใหม่” อัพเกรดเป็น iPhone 15 เริ่มต้น 0 บาท รับส่วนลดเพิ่ม 500 บาท เมื่อชำระผ่าน Pay Next Extra ผ่อนสูงสุด 48 เดือน พร้อมมอบสิทธิดูทรูพรีเมียร์ลีกตลอดฤดูกาล 2023/2024 เมื่อสมัครแพ็กเกจรายเดือนตั้งแต่ 1,199 บาทขึ้นไป เป็นต้น

ไทยเป็น Tier-1 ปีที่สอง

นอกจากความแข็งแรงของแบรนด์Apple และโปรโมชั่นจากค่ายมือถือทำให้การทำตลาด iPhone 15 ในบ้านเราเป็นไปอย่างคึกคักแล้ว การเป็นประเทศกลุ่มแรก (tier-1) ของไทยติดต่อกัน 2 ปี ทำให้มีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยใช้จังหวะนี้บินมาซื้อที่ไทยเพื่อนำไปขายในประเทศของตนเอง

พนักงาน Apple Store สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดเผยว่า เมื่อไทยเป็น tier-1 จึงมีชาวต่างชาติบางคนที่ทำธุรกิจ “รับหิ้ว”ตัดสินใจมาซื้อเครื่องที่ไทย เพื่อนำไปจำหน่ายให้ลูกค้าในประเทศของตนที่ต้องการเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่ได้ใช้ไอโฟน 15 คงเหมือนกับคนไทยเคยซื้อเครื่องหิ้วจากสิงคโปร์ หรือคนไทยบางกลุ่มบินไปสิงคโปร์ เพื่อซื้อมาใช้เอง กระทั่งเมื่อไทยเป็น tier-1 จึงเริ่มซาไป

“ประกอบกับมีปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทอ่อนทำให้มีอีกบางส่วนที่เป็นคนต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยอยู่แล้วตัดสินใจซื้อ อีกทั้งราคาเปิดตัว iPhone 15 ในไทยยังเท่ากับราคาเปิดตัวรุ่นก่อนหน้า ซึ่งถูกกว่าบางประเทศ ทำให้ชาวต่างชาติบางรายรู้สึกว่าการมาซื้อที่ไทยนอกจากได้เครื่องเร็ว เพราะเป็น tier-1 แล้ว ยังได้ความคุ้มค่าในเรื่องของราคาหรืออัตราแลกเปลี่ยนด้วย

ทำให้บรรยากาศการซื้อ iPhone ปีนี้คึกคักกว่าปีก่อน เพราะโควิดคลี่คลาย และบาทกำลังอ่อนค่า 1 ดอลลาร์ของเขาเปลี่ยนเป็นเงินไทยได้หลายบาท ทำให้รู้สึกว่าการมาซื้อ iPhone ในไทยใช้เงินตั้งต้นน้อยกว่าซื้อที่ประเทศของตนเอง”

อีกส่วนน่าจะมาจากฐานคนใช้ไอโฟนในบ้านเราที่มีขนาดใหญ่ กว่า 6 ล้านเครื่อง จึงเป็นสปริงบอร์ดชั้นดีในการผลักดันยอดขาย และสร้างความคึกคักให้กับการทำตลาดในช่วงเปิดตัวรุ่นใหม่