
Cisco เปิดแนวทาง Secure Networking ลดความซับซ้อนของเครือข่ายองค์กรธุรกิจ พัฒนาเอไอข่วยให้ระบบตรวจจับภัยคุกคามไซเบอร์อยู่บนเครือข่ายเป็นแพลตฟอร์มเดียวแต่ต้น
วันที่ 24 ตุลาคม 2566 นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทยและเมียนมาร์ กล่าวว่า การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความยากกว่าในอดีตมาก โดยปัจจุบันบริษัทในประเทศไทย มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่มีความพร้อมอย่าง “สมบูรณ์” ในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามทางไซเบอร์สมัยใหม่
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- กรุงไทย-ออมสิน ระเบิดโปรฯ เงินฝาก “ดอกเบี้ยพิเศษ” เช็กเงื่อนไขที่นี่
ขณะที่องค์กรต่าง ๆ มีการพัฒนาไปตามเทรนด์ต่าง ๆ เช่น การโยกย้ายไปสู่ระบบคลาวด์ การทำงานแบบไฮบริด และการปรับใช้เทคโนโลยี AI แนวทาง Secure Networking จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
“ซิสโก้ เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายมากว่า 30 ปี เราเห็นว่าสิ่งสำคัญในปัจจุบันคือภันคุกคามไซเบอร์ที่อยู่บนเครือข่าย เราเห็นองค์กรธุรกิจต้องหาเครื่องมือหรือแอปมาแก้ปัญหาความปลอดภัยเฉลี่ยเแล้วมากกว่า 70 เครื่องมือในหนึ่งองค์กร ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้เกิดการแบ่งแยกปัญหาเป็น Silo ที่ซับซ้อนกว่าเดิม”
“ในเมื่อเราทำเครือข่ายเป็นเลเยอร์หนึ่งอยู่แล้ว เราจึงสามารถทำระบบตรวจจับความปลอดภัยเป็นอีกเลเยอร์ซ้อนทับบนเครือข่ายไปเลย ช่วยลดความซับซ้อนและช่วยแก้ปัญหาความปลอดภัยในองค์กรได้ดีขึ้น ทำให้เครือข่ายและเครื่องมือตรวจจับภัยคุกคามเป็นแพลตฟอร์มเดียวกัน”
จากรายงานความพร้อมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Readiness Index) ของซิสโก้ปีนี้ พบว่ามีเพียง 27% ขององค์กรในไทยเท่านั้นที่มีความพร้อมในระดับ “สมบูรณ์” (Mature) ซึ่งจำเป็นต่อการรับมือกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สมัยใหม่ ในปัจจุบันช่องว่างด้านความพร้อมนี้เห็นได้ชัดเจนอย่างมาก เพราะ 89% ของผู้ตอบแบบสอบถามในไทยคาดว่าเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จะทำให้ธุรกิจหยุดชะงักใน 12 ถึง 24 เดือน
หากปราศจากการเตรียมพร้อมที่ดีก็สามารถทำให้เกิดความเสียหายที่มีมูลค่าสูงมาก โดย 66% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขาประสบเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และองค์กรครึ่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบต้องแบกรับความเสียหายมูลค่าอย่างน้อย 500,000 ดอลลาร์
ในการรับมือกับความท้าทายด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในโลกยุคใหม่ ซิสโก้ตระหนักดีว่าองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ต้องการประสบการณ์การเชื่อมต่อเครือข่ายตามแนวทาง Zero Trust พร้อมความสามารถในการตรวจสอบและวิเคราะห์ และการบังคับใช้นโยบายเพื่อคุ้มครองทุกการเชื่อมต่อโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งที่ตั้ง
Cisco Secure Networking เป็นการบริหารจัดการระบบเครือข่ายที่มุ่งเน้นการรักษาความปลอดภัย โดยเชื่อมโยงกับคลาวด์เน็ตเวิร์ก และคลาวด์ซีเคียวริตี้ของซิสโก้ (Cisco Networking Cloud & Cisco Security Cloud)
นายจวน ฮวด คู ผู้อำนวยการฝ่ายไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ซิสโก้ ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า ความแตกต่างของซิสโก้กับระบบความปลอดภัยไซเบอร์อื่น คือความสามารถในการมองเห็นและตรวจสอบ Threat หรือภัยคุกคามจากบนเครือข่าย ซึ่งช่วยให้เราสามารถปกป้องทุกสิ่งที่เชื่อมต่ออยู่
ดังนั้น Cisco Secure Networking จึงได้รวบรวมความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัย ความสามารถในการใช้แนวทาง Zero Trust และการบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยแบบละเอียดเข้าไปในคอนโซลเพียงหนึ่งเดียว (Single Console)”
ยกระดับใช้ AI ช่วยตรวจจับภัยคุกคาม
ซิสโก้ กำลังมุ่งมั่นแสวงหาทางปรับใช้กลยุทธ์ AI สำหรับระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อมอบโซลูชั่นไซเบอร์ซีเคียวริตี้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการปกป้องระบบ AI ให้รอดพ้นจากภัยคุกคาม เทคโนโลยี AI จะพลิกโฉมภูมิทัศน์ทางด้านธุรกิจ ช่วยให้องค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ สามารถขับเคลื่อนในระดับแมชชีน ไม่ใช่ในระดับมนุษย์พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก่อให้เกิดประเด็นใหม่ๆ เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความปลอดภัย การเก็บรักษาความลับ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา และ bias ต่าง ๆ กลยุทธ์ AI
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของซิสโก้ประกอบด้วยแง่มุมที่สำคัญ 3 ประการได้แก่ ทำให้การจัดการนโยบายด้านความปลอดภัยง่ายขึ้น ทำให้การป้องกันภัยคุกคามมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น และการคุ้มครองการใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ให้มีความปลอดภัย
จุดเด่นของ Cisco Secure Networking
- ประสบการณ์การเข้าถึงโดยทั่วไป ช่วยองค์กรนำเสนอวิธีที่ง่ายและราบรื่นให้กับพนักงานในการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นและทรัพยากรทั้งหมดจากสถานที่ อุปกรณ์ และแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ โดยจะมีการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้และความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ก่อนให้สิทธิ์การเข้าถึงที่ปลอดภัย
- การจัดการนโยบายความปลอดภัยแบบอัจฉริยะ ช่วยให้องค์กรมั่นใจได้ว่านโยบายของตนจะนำไปปฏิบัติพร้อมกับ identity อย่างเรียบง่าย สอดคล้องกัน และมีการจัดการอย่างครอบคลุม รวมถึงสาขา และสถานที่ตั้งที่อยู่ห่างไกล เพื่อควบคุมความสมบูรณ์และความปลอดภัยของเครือข่าย ความสามารถที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยให้ทีมงานฝ่ายระบบรักษาความปลอดภัยสามารถกำหนดนโยบายความปลอดภัยแบบละเอียด ครอบคลุมทั่วทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กร
- การตรวจสอบและตรวจจับภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยของซิสโก้, Cisco Talos Intelligence Group และการตรวจสอบเครือข่ายจาก Cisco ThousandEyes ซึ่งจะช่วยให้ทีมงานฝ่ายปฏิบัติการด้านความปลอดภัยสามารถวิเคราะห์และเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบการวัดและส่งข้อมูลทางไกล (Telemetry) สามารถระบุเหตุการณ์ที่สำคัญก่อนหลัง และตอบสนองแบบอัติโนมัติโดยอาศัยข้อมูลที่เป็นหลักฐานได้
- การบังคับใช้นโยบาย Zero Trust อย่างกว้างขวาง ครอบคลุมทั่วอีโคซิสเต็มส์ทางไอทีที่มีสภาพแวดล้อมที่หลากหลายขององค์กร โดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกตามบริบทเพื่อคุ้มครองการเข้าถึงที่เชื่อถือได้ และขจัดช่องว่างทางซีเคียวริตี้ภายในองค์กร