Grab ผุด Drive to Own ดึงคนขับเข้าถึงสินเชื่ออีวีแบบใหม่ 8,000 คันในปี’69

grab

Grab ผนึก 7 พันธมิตร ผุดสินเชื่อรถสี่ล้ออีวี “ผ่อนขับรับรถ” พร้อมโปรแกรมเช่ารถสองล้ออีวี 125 บาท/วัน ตั้งเป้าเปลี่ยนรถบนแพลตฟอร์มเป็นอีวี 10% หรือ 8,000 คันภายในปี 2569

วันที่ 30 ตุลาคม 2566 นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า
โครงการ ‘Grab EV’ ที่มุ่งส่งเสริมให้พาร์ตเนอร์คนขับ-ผู้จัดส่งอาหารหันมาใช้รถ EV เพื่อให้บริการ โดยตั้งเป้าให้มีจำนวนผู้ใช้รถ EV ให้ได้ 10% ของพาร์ตเนอร์ทั้งหมดภายในปี 2569 หรือราว 8,000 คัน

“แม้ปัจจุบันจะมีพาร์ตเนอร์คนขับแกร็บให้ความสนใจและต้องการเปลี่ยนมาใช้ EV สูงถึง 85% แต่ยังคงมีหลายปัจจัยที่ถือเป็นข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นราคารถที่ค่อนข้างสูง สมรรถนะของรถที่ไม่ตอบโจทย์การให้บริการ รวมถึงระบบโครงสร้างและสถานีชาร์จที่อาจยังมีไม่เพียงพอ”

ดังนั้น แกร็บจึงได้ผนึกความร่วมมือกับ 7 พันธมิตรในแวดวง EV ซึ่งประกอบด้วย Rever Automotive, H SEM Motor, STROM, Swap & Go, Auto Drive EV, EV Station PluZ, และ Moove เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนโครงการ Grab EV ให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเปิดตัว 2 โปรแกรมใหม่ ‘ผ่อนขับรับรถ’ และ ‘เช่าครบจบบนแอป’ ที่จะช่วยปลดล็อกและทำให้พาร์ตเนอร์คนขับแกร็บสามารถเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น”

“รถอีวีในปี 2022 ไม่เหมือนปีนี้ ทำการบ้านต่อเนื่อง มีการเก็บข้อมูลเพื่อมองหาความต้องการของคนขับ ทั้งอุตสาหกรรมอีวีก็พัฒนาต่อเนื่อง รถสองล้อในปี 2022 อาจยังเล็กไปสำหรับพาร์ตเนอร์ เช่นเดียวกับรถสี่ล้อที่ราคายังสูง แต่ปีนี้รถเปลี่ยนไป”

จากการทำโครงการ GrabEV นำร่องในช่วงที่ผ่านมา พบว่าการเช่ารถไบก์เติบโตต่อเนื่องกว่าพันคัน ทำให้พาร์ตเนอร์มีเงินเหลือมากขึ้น เดิมรถน้ำมันก็ต้องผ่อนอยู่แล้ว เปลี่ยนมาเช่าจึงทำให้วิ่งคุ้มขึ้น ส่วนรถยนต์สี่ล้อค่าดาวน์สูง การจะเข้าถึงก็เป็นเรื่องยาก แต่ Grab ไม่มีรถ ไม่มีการผลิตรถ จึงร่วมกับพาร์ตเนอร์ อย่าง เรเว่ และ มูฟ เปลี่ยนวิธีเข้าถึงสินเชื่อรถอีวีแบบใหม่อย่าง Drive to own หรือ “ผ่อนขับรับรถ”

นางสาวเมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ตเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บเริ่มทดลองทำโครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมการใช้ EV ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2563 โดยได้ศึกษาพฤติกรรมการใช้งานและความต้องการของพาร์ตเนอร์คนขับมาอย่างต่อเนื่อง

ทำให้เข้าใจอินไซต์ของผู้ใช้งานจริง ตลอดจนปัญหาและข้อจำกัดต่าง ๆ และพยายามใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ในการพัฒนาโครงการ Grab EV เพื่อส่งเสริมการเข้าถึง EV ในกลุ่มพาร์ตเนอร์คนขับให้มากขึ้น

“ปัจจุบันแกร็บทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่าย EV ผู้ให้บริการสถานีชาร์จและระบบบริหารจัดการชาร์จแบตเตอรี่ ตลอดจนสถาบันการเงิน เพื่อแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโซลูชั่นที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของพาร์ตเนอร์คนขับให้เหมาะสมที่สุด

อาทิ การพัฒนาฟังก์ชั่นและคุณสมบัติของ EV ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะกับรูปแบบการให้บริการ การระบุตำแหน่งสถานีชาร์จหรือจุดสลับแบตเตอรี่ในบริเวณที่มีผู้ใช้บริการหรือพาร์ตเนอร์คนขับหนาแน่น เป็นต้น”

โปรแกรมเช่า-เช่าซื้อ รถอีวีสำหรับพาร์ตเนอร์

โปรแกรม “ผ่อนขับรับรถ” (Drive-to-Own)

แกร็บผนึกความร่วมมือกับ Moove ผู้ให้บริการด้านสินเชื่อยานยนต์ และ Rever Automotive ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD เพื่อเปิดโอกาสให้พาร์ตเนอร์คนขับสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ให้บริการรับส่งผู้โดยสารได้โดยไม่ต้องใช้ประวัติทางการเงิน แต่จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากประวัติในการให้บริการกับแกร็บ

โดยความพิเศษของโปรแกรมสินเชื่อที่มีระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 72 เดือนนี้คือ พาร์ตเนอร์คนขับไม่ต้องวางเงินดาวน์ และสามารถผ่อนจ่ายได้แบบรายวันผ่านการหักรายได้จากการให้บริการในแต่ละวัน

นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์เสริมอื่น ๆ อาทิ ฟรีค่าซ่อมบำรุงรถ รวมถึงครอบคลุมการทำประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพ และประกันชีวิตให้กับพาร์ตเนอร์คนขับ ทั้งนี้ โปรแกรมดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้พาร์ตเนอร์คนขับแกร็บสามารถจองรถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ได้ในช่วงต้นปี 2567 และคาดว่าจะทำให้พาร์ตเนอร์คนขับสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 5,000 คันภายในปี 2568

โปรแกรม “เช่าครบจบบนแอป” (End-to-end EV Bike rental)

โดยแกร็บได้ผนึกความร่วมมือกับ 3 ผู้ผลิตชั้นนำรถยนต์ และผู้นำแพลตฟอร์มสลับแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า อันได้แก่ STROM, H SEM Motor และ Swap & Go เพื่อให้บริการเช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับพาร์ตเนอร์คนขับที่ให้บริการจัดส่งอาหารผ่าน GrabFood จัดส่งพัสดุผ่าน GrabExpress หรือรับส่งผู้โดยสารผ่าน GrabBike โดยมีอัตราค่าเช่าเริ่มต้นเพียง 125 บาทต่อวัน พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ

อาทิ การสลับแบตเตอรี่ได้ไม่จำกัดรอบตลอด 24 ชั่วโมง การจัดหาอุปกรณ์เสริมให้ เช่น ตะแกรงท้าย ที่วางโทรศัพท์มือถือ และสายชาร์จแบตเตอรี่สำหรับชาร์จไฟที่บ้าน หรือที่สถานี การจัดหารถสำรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงสนับสนุนค่าบำรุงรักษารถ การทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้คำแนะนำตลอดการใช้งานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

โดยคาดว่าโปรแกรมนี้จะช่วยให้พาร์ตเนอร์คนขับแกร็บสามารถเข้าถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของทั้งสามพันธมิตรหลักได้กว่า 3,000 คันภายในปี 2567