
เปิดรายได้วิศวกรของ “OpenAI” แต่ละปีทำเงินได้ 28 ล้านบาท ปัจจัยหนุนมาจากความขาดแคลนของตลาดแรงงาน และความซับซ้อนของ AI
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่าปัจจัยที่ทำให้คณะกรรมการของ “OpenAI” บริษัทผู้พัฒนา “ChatGPT” ตัดสินใจคืนตำแหน่งซีอีโอให้กับ “นายแซม อัลต์แมน” (Sam Altman) หลังจากมีมติปลดจากตำแหน่งเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 พ.ย. 2566 ตามเวลาไทย คือแรงกดดันจากพนักงานหลายร้อยชีวิตที่ตัดสินใจจะลาออกตามนายอัลต์แมน
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของคณะกรรมการสามารถสะท้อนถึงความสำคัญของกำลังคนในการพัฒนาโมเดล AI และสถานะ “มนุษย์ทองคำ“ ของกลุ่มคนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI ได้อย่างดี
รายงานการวิเคราะห์ของแพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลค่าตอบแทน “Levels.fyi“ ที่เผยแพร่ในเดือน พ.ค. 2566 เปิดเผยว่า วิศวกร AI มีรายได้มากกว่าวิศวกรสาขาอื่นราว 8-12.5%
นอกจากนี้ ข้อมูลบนเว็บไซต์ OpenAI ยังระบุด้วยว่า รายได้ของวิศวกร AI อยู่ที่ 200,000-370,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (7-13 ล้านบาทต่อปี) ส่วนตำแหน่งที่มีความเฉพาะทางในการทำงานจะมีรายได้อยู่ที่ 300,000-450,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (10-15 ล้านบาทต่อปี)
นายโรเจอร์ ลี (Roger Lee) ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มเปรียบเทียบค่าตอบแทนการจ้างงาน “Comprehensive.io” กล่าวว่า หากรวมค่าตอบแทนจากโบนัสหรือแรงจูงใจอื่น ๆ อาจทำให้รายได้ของวิศวกร AI สูงถึงปีละ 800,000 ดอลลาร์สหรัฐ (28 ล้านบาท)
นางสาวจูเลีย พอลแล็ก (Julia Pollak) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ZipRecruiter กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มคนที่มีประสบการณ์และความสามารถในการพัฒนา AI ยังมีน้อยมาก และต่อให้พยายามแก้ปัญหาด้วยการฝึกฝนทักษะตั้งแต่ศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ก็ยังไม่สามารถผลิตบุคลากรด้านนี้ได้ทันที เพราะความซับซ้อนทางทฤษฎีในการพัฒนาโมเดล AI เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและเรียนรู้
“การเรียนรู้เกี่ยวกับโค้ดและการพัฒนาโปรแกรมจริงในบริษัทเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานาน ทำให้วิศวกร AI ภายในบริษัทมีค่าเท่ากับวิศวกร AI จากภายนอกบริษัทถึง 3 คน และบริษัทไม่สามารถฝึกฝนหรือรับสมัครคนกลุ่มนี้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้การรักษาบุคลากรไว้กับบริษัทเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
ดังนั้น การที่พนักงานของ OpenAI ตัดสินใจจะลาออกพร้อมกันหลายร้อยคนท่ามกลางความขาดแคลนบุคลากรในอุตสาหกรรมอย่างหนัก ถือเป็นภัยคุกคามขนาดใหญ่ของบริษัท และทำให้พนักงานของ OpenAI มีสถานะอันทรงพลังในการสร้างแรงกดดันต่อคณะกรรมการ
นอกจากนี้ ในช่วงที่พนักงานของ OpenAI หลายร้อยชีวิตกำลังตัดสินใจลาออก บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น Microsoft และ Salesforce ก็รีบเปิดรับสมัครและเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อดึงพนักงานของ OpenAI มาร่วมงานกับตนเอง