“กลุ่มทรู” โชว์รายได้ Q3 ทรงตัวที่ 2.6 หมื่นล้าน

“กลุ่มทรู”โชว์รายได้Q3 ทรงตัวที่ 2.6 หมื่นล้าน เข้มบริหารต้นทุนฝ่าวิกฤตโควิด-กำลังซื้อชะลอตัว

วันที่ 14 พ.ย. 2563 กลุ่มทรูรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส3/2563ว่า มีรายได้จากการให้บริการ 26,500 ล้านบาท และ79,000 ล้านบาทในงวดเก้าเดือนแรกปี 2563โดยรายได้จากการให้บริการหลักเติบโตขึ้นร้อยละ 4 จากช่วงเดียวกันใปีก่อนหน้าแม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่ทําให้กําลังซื้อชะลอลง รวมทั้งรายได้ที่หายไปจากนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตามการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพทําให้ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานหลักลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งแนวโน้มการเติบโตของระบบนิเวศดิจิทัลที่กลุ่มทรูมีครบวงจร ส่งผลให้ EBITDA โตจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ร้อยละ19 และจากไตรมาสก่อนในอัตราร้อยละ 2 เป็น 9,400 ล้านบาทในไตรมาส 3 หรือ 13,400 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 30 จากปีก่อน

หากรวมผลกระทบจากการปรับมาใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ (TFRS16) ผลักดันผลการดําเนินงานเก้าเดือนแรกของปีให้เติบโตด้วย EBITDA รวม 38,600 ล้านบาท สอดคล้องกับกระแสเงินสดสุทธิจากการดําเนินงานจํานวน 38.6 พันล้านบาท และมีกําไรสุทธิ 1,200 ล้านบาทในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2563

นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กลุ่มทรู กล่าวว่า EBITDA โตต่อในไตรมาส3แม้ผู้บริโภคโดยรวมระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นจากผลกระทบของสภาพเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยืดเยื้อ แต่เป็นความท้าทายทำให้เกิดวิถีชีวิตแบบใหม่ ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจปรับตัวเข้าหาดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลได้ทุกที่ทุกเวลาเป็นผลให้รายได้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตและรายได้จากธุรกิจดิจิทัลของกลุ่มทรูยังเติบโตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมอุตสาหกรรมมือถือยังได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่ลดลง อย่างต่อเนื่องในระหว่างไตรมาส แต่การเปิดตัวเครือข่าย True5Gพร้อมแพ็กเกจที่เพิ่มมูลค่าและผสานคอนเทนต์ VR และ AR เป็นปัจจัยเร่งการเติบโตดาต้าและขยายฐานลูกค้าพรีเมียมให้กับกลุ่มทรู ผนวกกับความมุ่งมั่นในการเพิ่ม productivity และความครบวงจรของระบบนิเวศดิจิทัลของกลุ่มทรู

นายสฤษดิ์ จิณสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัทเดียวกันกล่าวว่า การเปิดตัวเทคโนโลยี 5G ในไทยปีนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการช่วยพัฒนาสังคมและนำพาประเทศเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ซึ่งกลุ่มทรูได้เพิ่มการขายและบริการไปในช่องทางอีคอมเมิร์ซ และช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ทั้งเว็บไซต์ บริการทรูไอเซอร์วิส ออฟฟิเชียลไลน์แอคเคาท์ และนวัตกรรมมะลิแชตบอต ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า และเพิ่มยอดผู้ใช้บริการให้กับหลากหลายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทรูได้ในไตรมาส 3ที่ผ่านมา

โดยทรูมูฟ เอช มีผู้ใช้รายใหม่สุทธิในระบบรายเดือนสูงสุดในอุตสาหกรรมที่ 269,000 ราย ในไตรมาส 3 ส่งผลให้รายได้จากกลุ่มลูกค้าระบบรายเดือนโตเป็นตัวเลขสองหลักจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่ผลกระทบจากเศรษฐกิจ และCOVID-19 ส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง กดดันรายได้ในกลุ่มลูกค้าเติมเงินและบริการโรมมิ่งระหว่างประเทศทำให้มีรายได้ ที่ 19,900 ล้านบาทในไตรมาส 3 และในช่วง 9 เดือนให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อนเป็น 60,200 ล้านบาท มีฐานผู้ใช้รวม 30.1 ล้านราย เป็นเติมเงิน 20.8 ล้านราย และรายเดือน 9.3 ล้านราย

สำหรับบริการ “ทรูออนไลน์” มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 6,800 ล้านบาท มีฐานผู้ใช้เพิ่มขึ้นสุทธิ 111,000 ราย เป็น 4.1 ล้านราย ส่วนทรูวิชั่นส์ มีรายได้จากการให้บริการ 2,600 ล้านบาทในไตรมาส 3 มีฐานลูกค้า 4 ล้านราย โดยกลุ่มลูกค้าประเภทพรีเมียมเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อนหน้า
ด้านสำหรับทรูไอดีโตต่อเนื่อง มีจำนวนการซื้อคอนเทนต์สูงถึง 311,000 ครั้ง หรือโตร้อยละ 18 เทียบไตรมาส 2 ขณะที่ยอดการรับชมวิดีโอต่อเดือนโตขึ้นสูงสุด 240 ล้านวิว โดยการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (English Premier League) ยังเป็นหนึ่งในคอนเทนต์หลักที่ดึงดูดให้มีผู้ใช้ทรูไอดีมากขึ้น

ในส่วนลูกค้าองค์กร กลุ่มธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น เพิ่มจำนวนอุปกรณ์เซ็นเซอร์ IoT ที่เชื่อมต่อและใช้บริการแล้วกว่า 281,000 อุปกรณ์ในไตรมาส 3 โดยในกลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการเกษตร ได้เปิดตัวโซลูชั่น True Digital Smart Crop ช่วยให้เกษตรกรบริหารจัดการและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น