ศรีฟ้าเบเกอรี่ เมืองกาญฯ ชูยอดขาย 700 ล้าน ลุย CLMV

วิเชียร เจนตระกูลโรจน์
วิเชียร เจนตระกูลโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด ผลิตและจำหน่ายเบเกอรี่ และโฟรเซนโด (Dough) รายใหญ่จังหวัดกาญจนบุรี ภายใต้แบรนด์ศรีฟ้าและสุธีรา
คอลัมน์ : สัมภาษณ์

“เบเกอรี่” ถือเป็นธุรกิจที่มีทิศทางเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยปัจจุบันภาพรวมมูลค่าตลาดเบเกอรี่อยู่ที่ 22,300 ล้านบาท คนไทยเริ่มหันมาบริโภค “ขนมปัง” เป็นอาหารหลักแทน “ข้าว” มากขึ้น ส่งผลให้เกิดผู้เล่นในตลาดทุกระดับ

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ “วิเชียร เจนตระกูลโรจน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด ผลิตและจำหน่ายเบเกอรี่ และโฟรเซนโด (Dough) รายใหญ่จังหวัดกาญจนบุรี ภายใต้แบรนด์ศรีฟ้าและสุธีรา มาอัพเดตทิศทางธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และกลยุทธ์ทางการตลาดที่เตรียมบุกตลาดประเทศเพื่อนบ้าน

ตั้งเป้าโต 3% ต่อปี

หลังจากเผชิญสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นระยะเวลา 2 ปี ภาพรวมธุรกิจปัจจุบัน ยอดขายเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ โดยบริษัทมีรายได้ทั้งหมดประมาณ 700 กว่าล้าน โดยปี 2565 ตั้งเป้ายอดกำไร 30 ล้าน มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 2-3% ต่อปี

ปัจจุบันธุรกิจในเครือมีอยู่ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ศรีฟ้าเบเกอรี่ จำกัด, บริษัท สุธีราเอนเตอร์ไพรซ์ จำกัด, บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด มีโปรดักต์กว่า 500 รายการ แต่มีสินค้าขายดีประมาณ 100 กว่ารายการ

สินค้าส่วนใหญ่เจาะตลาดที่มีกลุ่มลูกค้าจำนวนมากที่มีความต้องการซื้อสูง โดยเตรียมสินค้าที่ดี และขายในราคาถูก โดยระบบการบริหารการตลาดแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.เปิดร้านภายใต้แบรนด์ 2.ขายส่งโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ 3.ตลาดกลุ่ม SMEs

โดยยอดขายเดือนกรกฎาคม 2565 แบ่งออกขายภายใต้แบรนด์บริษัท 17-18% โมเดิร์นเทรด 50% ส่วนกลุ่ม SMEs เพิ่งมีการทำการตลาด

ช่วงโควิดการประกาศปิดห้างสรรพสินค้า ส่งผลยอดขายลดลงอย่างมาก แต่ต้องจ้างพนักงานเท่าเดิม ตลอดระยะเวลา 2 ปี ธุรกิจได้มีการปรับตัวตลอดซัพพลายเชนหลังบ้าน ทั้งระบบการจ้างคน ค่าใช้จ่ายส่วนเกิน รวมถึงการตลาดต่าง ๆ ทำให้หลังโควิดบริษัทมีผลประกอบการดีกว่าปีที่ผ่านมา 2 เท่าตัว

เตรียมบุกตลาด CLMV

กลยุทธ์ทางการตลาดได้มีการเปลี่ยนแปลงมุ่งไปที่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งปี 2566 คาดว่าจะส่งออกสินค้าประเภทแป้งดิบแช่แข็ง ครัวซองต์แช่แข็ง แป้งสำเร็จรูปแช่แข็ง โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มตลาดเพื่อนบ้าน CLMV อาทิ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา

และเวียดนาม นอกจากนี้ เตรียมขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไปยังตลาดต่างประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้านักธุรกิจชาวกัมพูชา คาดว่าใช้ระยะเวลาการตกลงรายละเอียดไม่เกิน 1 ปี

สำหรับแฟรนไชส์ตอนนี้ตลาดภายในประเทศเปิดไปแล้ว 2 สาขา คือ 1.สาขาด่านมะขามเตี้ย 2.สาขากำแพงแสน ส่วนอนาคตอยากเปิดในโซนปริมณฑล และหัวเมืองหลัก อาทิ อ้อมใหญ่ กระทุ่มแบน บางแค ภูเก็ต ขอนแก่น นครราชสีมา เป็นต้น

เราอยากให้แฟรนไชส์แต่ละร้านเมื่อเปิดแล้วต้องประสบความสำเร็จ สำหรับคนที่สนใจเปิดร้านแฟรนไชส์ทางบริษัทจะนัดสัมภาษณ์ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการจะเปิดร้านจริง ๆ และต้องพิจารณาเรื่องทำเลที่จะลงทุนด้วย

ขณะเดียวกัน “ทองม้วน” ภายใต้แบรนด์ “สุธีรา” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกมากที่สุดประมาณ 90% มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท โดยส่งไปที่เครือจักรภพแห่งอังกฤษ จีน ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และสหรัฐ เนื่องจากทองม้วนเป็นขนมไทยดั้งเดิม อยากให้รัฐบาลได้รับรู้ว่า Taste of thailand (รสชาติของอาหารไทย)

คือ ทองม้วน ทุกอย่างที่ทำขึ้นมามีส่วนผสมของวัตถุดิบไทยทั้งหมด ทั้งกะทิ แป้งมันสำปะหลัง แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลปี๊บ ฯลฯ มีการผลิตเกือบทั่วประเทศทั้งผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ จึงอยากให้กำหนดให้ “ทองม้วนเป็นสินค้าประจำชาติ”

เทรนด์ธุรกิจเบเกอรี่ยังพุ่ง

ธุรกิจเบเกอรี่ยังมีโอกาส และทิศทางการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ที่ว่าจะเลือกเปิดร้านกาแฟที่มีเบเกอรี่ หรือจะเปิดร้านเบเกอรี่ที่มีกาแฟ ขณะเดียวกันการแข่งตลาดเบเกอรี่ไม่ได้ดุเดือดมาก เนื่องจากกำไรได้ค่อนข้างน้อยทำให้มีจุดแข่งขันราคาที่เหมาะสม

เทรนด์ธุรกิจเบเกอรี่ในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตคนไทยจะหันมาบริโภค “ขนมปัง” แทน “ข้าว” มากขึ้น ขนมปังจะไม่ใช่เพียงขนมแต่ คือ อาหาร ในอดีตประชาชนใช้ชีวิตไม่ได้เร่งรีบมากอาหารเช้าจะเป็นกลุ่มปาท่องโก๋ โจ๊ก ข้าวต้ม

แต่ปัจจุบันประชาชนใช้ชีวิตเร่งรีบอาหารเช้าจะเป็น นม กาแฟ หรือขนมปัง คนรุ่นใหม่หวงเวลามากยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องใช้เวลาน้อยที่สุด

สุดท้ายนี้อยากฝากถึงนักธุรกิจรุ่นใหม่ว่า “ไม่มีธุรกิจไหนทำแล้วไม่มีคนเจ๊ง และไม่มีธุรกิจไหนทำแล้วไม่มีคนรวย” ทุกธุรกิจมีทั้งคนทำรวย ! และคนทำเจ๊ง !