ผู้ว่าฯเชียงใหม่ หวั่นเศรษฐกิจพัง ระดมเครื่องสูบน้ำทุกปลายท่อในเขตเมือง

ผู้ว่าฯเชียงใหม่ หวั่นเศรษฐกิจเสียหายเร่งระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ทุกปลายท่อในเขตเมือง เผยปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาวัดได้ถึง 1,700 มิลลิเมตร มากกว่าปี 2554 กว่า 300 มิลลิเมตร

วันที่ 4 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

โดยกล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์น้ำในแม่น้ำปิงในวันนี้ (4 ตุลาคม 2565) ปริมาณน้ำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มที่จะลดลง ซึ่งจะเร่งระบายน้ำในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ให้ลดลงโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาวัดได้ถึง 1,700 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ามีปริมาณมาก เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่เคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ที่มีปริมาณน้ำฝนวัดได้ 1,395 มิลลิเมตร โดยน้ำท่วมกินบริเวณกว้างถึง 7 โซนในเขตเมืองเชียงใหม่ ทว่า ปีนี้ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนมากกว่า แต่พื้นที่น้ำท่วมกินบริเวณเพียง 2 โซน ซึ่งได้นำบทเรียนของปี 2554 มาแก้ปัญหาแบบเร่งด่วนทันต่อเหตุการณ์ ด้วยการให้ปิดทางระบายน้ำไม่ให้น้ำย้อนไหลเข้าเมือง

โดยได้สั่งการให้เทศบาลนครเชียงใหม่ปิดท่อระบายน้ำโดยใช้กระสอบทราย และแผนระยะยาวก็จะต้องใช้วิธีการนี้ แต่อาจต้องใช้แผ่นเหล็กหรือระบบที่ทันสมัยเพื่อนำมาปิดบริเวณปลายท่อสำคัญทุกจุดทั่วเมือง

ล่าสุด ได้สั่งการให้ตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ทุกปลายท่อสำคัญในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยระดมเครื่องสูบน้ำมาจากทุกหน่วยงานนอกพื้นที่ รวมถึงส่วนกลาง เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกัน คาดว่าน้ำในแม่น้ำปิงจะลดลงภายใน 3 วัน และภายใน 7 วัน น้ำในแม่น้ำปิงจะลงต่ำกว่าจุดวิกฤต

“ตามธรรมชาติปริมาณน้ำจะลดลงภายใน 7 วัน แต่สำหรับเชียงใหม่จะปล่อยให้น้ำลดตามธรรมชาติไม่ได้ เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ถ้าปล่อยไปตามธรรมชาติ เศรษฐกิจจะเสียหาย”

ขณะเดียวกัน ได้เตรียมพร้อมรับมือกับฝนระลอกใหม่ในช่วงสัปดาห์หน้า และหลังจากน้ำในแม่น้ำปิงเริ่มลดลง เครื่องสูบน้ำจะเร่งทำงาน สูบน้ำในพื้นที่ท่วมขังออก คาดว่าภายใน 3 วันน้ำต้องแห้งทั้งเมือง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวอีกว่า ได้เตรียมแผนฟื้นฟู ล้างทำความสะอาดเมือง ถนน บ้านเรือน แหล่งเศรษฐกิจ ให้เชียงใหม่กลับมาเป็นเมืองสะอาดให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว พร้อมกำชับหน่วยงานรับผิดชอบเร่งสำรวจความเสียหาย เยียวยาประชาชน ความช่วยเหลือต้องถึงมือประชาชนโดยตรง

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้เทศบาลนครเชียงใหม่ เร่งจัดการสวะในแม่น้ำปิง เพื่อเพิ่มการไหลของน้ำให้เร็วขึ้น ตลอดจนได้ แจ้งเตือนจังหวัดใกล้เคียงที่น้ำจากเชียงใหม่จะส่งผลกระทบไปถึง คือจังหวัดลำพูนและจังหวัดตาก ซึ่งน้ำจากีบงใหม่จะไหลลงสู่ทั้ง 2 จังหวัด วินาทีละกว่า 70 คิว และจะไหลลงเขื่อนภูมิพล เพื่อประสานแผนรองรับน้ำ

นายนิรัตน์กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำในระยะกลางและระยะยาวของจังหวัดเชียงใหม่ จะต้องสร้างคันกั้นน้ำให้อยู่ระดับสูงสุดเท่ากันของริมแม่น้ำปิงทั้ง 2 ฝั่ง แต่ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนก่อนดำเนินการ และต้องวางระบบป้องกันน้ำให้เป็นระบบ สามารถเปิด-ปิดท่อระบายน้ำ ระบบสูบน้ำ โดยไม่พึ่งกระสอบทราย และระบบทางเบี่ยงไม่ให้น้ำเข้าท่วมเมือง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว