ไฮซีซั่นเชียงใหม่คึกคัก นักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติเริ่มกลับมาปกติ สนามบินเชียงใหม่รับผู้โดยสารพุ่งวันละกว่า 2 หมื่นคน คาดยี่เป็งเงินสะพัด 300-400 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานและกระบวนการให้บริการผู้โดยสารของท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) โดยมีนายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
สำหรับฤดูการท่องเที่ยวที่ผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะเทศกาลลอยกระทงหรือประเพณียี่เป็งของชาวล้านนาที่กำลังจะมาถึง ประกอบกับรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ ทำให้แนวโน้มจำนวนผู้โดยสาร และเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยพบว่าในเดือนตุลาคม 2565 ท่าอากาศยานเชียงใหม่มีผู้โดยสารเฉลี่ยวันละประมาณ 19,000 คน เป็นผู้โดยสารภายในประเทศกว่า 18,300 คน ผู้โดยสารระหว่างประเทศกว่า 700 คน จำนวนเที่ยวบินเฉลี่ยวันละ 110-120 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 114 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 6 เที่ยวบิน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้ จะมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยวันละประมาณ 21,000 คน หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยังได้ขอให้ปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการติดเชื้อ Universal Prevention ควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ได้อย่างปลอดภัย
นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ปีนี้ มีแนวโน้มการเดินทางของนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเดินทางท่องเที่ยวเริ่มกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง โดยเฉพาะกิจกรรมประเพณียี่เป็งหรือลอยกระทง คาดว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่จำนวนมาก โดยอัตราการจองห้องพักโรงแรมล่วงหน้าในขณะนี้อยู่ที่ 70-80% คาดการณ์รายได้ในช่วงลอยกระทง หรือประเพณียี่เป็งของเชียงใหม่ จะอยู่ที่ราว 300-400 ล้านบาท