โรงงานถุงมือยางค้างสต๊อกอื้อ-ความต้องการลดต้นทุนสูง

ถุงมือยาง

โรงงานอุตสาหกรรมน้ำยางข้นกระอัก ราคาน้ำยางข้น 36 บาท/กก. ลากราคาน้ำยางสดร่วง เหตุโรงงานถุงมือยางค้างสต๊อกอื้อ ต้นทุนผลิตพุ่ง อีกทั้งตลาดอเมริกา-ยุโรปใช้ถุงมือยางไนไตรล์ ชี้หากรัฐบาลใหม่ปรับค่าแรงงานกว่า 400 บาท/คน คาดโรงงานมีแนวโน้มปิดตัวไม่ต่ำกว่า 50%

นายกัมปนาท วงศ์ชูวรรณ ผู้จัดการกลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ สถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราส่งออกรายใหญ่ของภาคใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้โรงงานอุตสาหกรรมถุงมือยางหลายแห่งงดการนำเข้าน้ำยางข้น ส่งผลให้น้ำยางสดราคาไม่ปรับตัว

โดยราคาน้ำยางข้นอยู่ที่ 36 บาท/ กก. เนื่องจากตลาดโลกชะลอตัว และสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ลดความรุนแรง การดำเนินชีวิตเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ความต้องการใช้น้ำยางข้นในอุตสาหกรรมถุงมือยางลดลง ที่สำคัญ กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ใช้ถุงมือยางไนไตรล์ (nitrile rubber) ไม่ได้ใช้ถุงมือยางธรรมชาติ

จนส่งผลให้โรงงานผลิตถุงมือยางธรรมชาติมีสต๊อกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก มาตั้งแต่ปี 2565 จนถึงขณะนี้ หลายโรงงานขาดทุนถึงขั้นมีการปลดแรงงานบางส่วนออก

ตั้งแต่ต้นปี 2566 ความเคลื่อนไหวราคายางพาราจนถึงขณะนี้อยู่ประมาณ 38-43 บาท/กก. ยางรมควันกว่า 50 บาท/กก. และน้ำยางข้น 36 บาท/กก. ในขณะที่ผลผลิตยางพารามีปริมาณน้อย ด้วยปัจจัย 1.ขาดแคลนแรงงาน 2.เกิดโรคใบร่วงทำให้น้ำยางหดหายไปประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์

กัมปนาท วงศ์ชูวรรณ
กัมปนาท วงศ์ชูวรรณ

นายกัมปนาทกล่าวต่อไปว่า ในส่วนยางรมควันราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 50.05 บาท/กก. (22 พ.ค. 66) ถือว่าเป็นราคาที่กลุ่มผู้ประกอบการแปรรูปยางเป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำยางสดยังอยู่ได้ ไม่ประสบภาวะขาดทุน เช่น ในกลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ยังพอมีกำไร เพราะแปรรูปยางพาราหลายผลิตภัณฑ์ทำการรองรับตามที่กลไกตลาดต้องการ น้ำยางสด น้ำยางข้น ยางรมควัน ยางแท่ง STR 5 L และ STR 20 ทั้งผลิตยางรถยนต์ และล้อเครื่องบิน

“สำหรับราคายางพาราจะขึ้นอยู่กับความต้องการในตลาดโลก ทั้งตลาดจีน สหรัฐ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี แต่ตอนนี้ปัจจัยสำคัญในหลายประเทศการส่งออกหดตัว เพราะเศรษฐกิจไม่ดี โรงงานต่างลดกำลังการผลิต ราคาตลาดโลกขณะนี้ประมาณ 1,300 เหรียญสหรัฐ ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์เสนอขายไปราคาประมาณ 1,380 เหรียญสหรัฐ ไม่มีรายใดรับซื้อ” นายกัมปนาทกล่าว

นายกัมปนาทกล่าวว่า ทิศทางราคายางพาราในครึ่งปี 2566 ราคาน้ำยางสดคาดว่าจะเคลื่อนไหวประมาณ 40-42 บาท/กก. น้ำยางข้น 36 บาท/กก. และยางรมควันกว่า 50 บาท/กก.

“สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าเกษตรของประเทศไทย ประเด็นสำคัญนอกจากความต้องการในตลาดโลก เมื่อมีการแข่งขันกันซื้อ ราคาก็จะปรับขึ้นแล้ว ฝ่ายการเมืองภายในประเทศก็มีส่วนสำคัญอย่างมากที่สามารถจะออกแบบเพื่อกระตุ้นราคายางพารา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของรัฐบาลที่จะดำเนินการ”

นายกัมปนาทกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ประเด็นเรื่องต้นทุนการผลิตมีส่วนสำคัญ ทั้งอัตราค่าไฟฟ้า และค่าแรงงานที่จะปรับขึ้นกว่า 450 บาท/วัน จะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก หากเป็นเช่นนี้จะส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมยางจะต้องปิดตัวลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะจะไม่มีเงินมาดำเนินการ