อีสท์ วอเตอร์ ลุยพื้นที่นอกอีอีซี ปักหมุดลงทุนเมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต-พังงา

อีสท์ วอเตอร์ มั่นใจกวาดรายได้ปี’66 โต 5% ทะลุ 4 พันล้าน รับลูกค้าใหม่ กางแผนลงทุนปี’67 งบฯ 3 พันล้าน บุกนอกอีอีซี “ภูเก็ต-พังงา” เมืองท่องเที่ยว ส่วนความคืบหน้าคืนท่อส่งน้ำธนารักษ์ทันสิ้นปี มั่นใจน้ำอีอีซีเพียงพอรับมือวิกฤตเอลนีโญ

นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ 4,500-4,600 ล้านบาท เติบโต 5% จากปี ก่อน โดยแบ่งเป็น น้ำดิบ 65% น้ำประปา 30% น้ำอุตสาหกรรม 5%

ซึ่งเป็นผลดีจากการที่บริษัทได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายน้ำดิบ 2 โครงการ กับบริษัท ซีจี คอร์เปอเรชั่น จำกัด ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี (CPGC) จ.ระยอง รวมถึงลงนามสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรม 2 โครงการ กับบริษัท ซิน เคอ หยวน จำกัด และบริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด ให้บริการน้ำอุตสาหกรรมแก่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง 2

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2566 วางงบฯการลงทุนกว่า 5,000-6,000 ล้านบาท ใน 3 โครงการที่กำลังดำเนินการได้แก่ 1.โครงการท่อส่งน้ำดิบหนองปลาไหล-หนองค้อ-แหลมฉบัง ในพื้นที่ จ.ระยอง และ จ. ชลบุรี ยาว 57.1 กม. คาดว่าจะสามารถรองรับการส่งน้ำได้ 350,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยจะเชื่อมต่อกับท่อส่งน้ำสายหลักประแสร์-หนองปลาไหลเดิมของอีสท์ วอเตอร์

2.โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบคลองหลวง จ.ชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร มายังอ่างเก็บน้ำหนองค้อ แทนการผันน้ำผ่านคลองพานทอง 49 กม. เชื่อมต่อจากท่อส่งน้ำสายหลักปลวกแดง-บ่อวิน ความคืบหน้าโครงการวางท่อแล้วเสร็จ 42 กม. ในส่วนที่เหลืออีก 7 กม. อยู่ระหว่างการขออนุญาตให้วางท่อในพื้นที่ของกรมธนารักษ์

3.โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบมาบตาพุด-สัตหีบ จ. ชลบุรี เพิ่มศักยภาพในการส่งน้ำให้แก่ภาคอุปโภค บริโภค และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ยาวกว่า 27 กม. โดยเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-มาบตาพุด เส้นที่ 2

ทั้งนี้ บริษัท เสนอขายหุ้นกู้ EASTW ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ได้รวม 2,900 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นโครงข่ายท่อส่งน้ำในเขตพื้นที่ EEC ของบริษัท

ส่วนแผนการลงทุนในรอบ 2 ปี คือ ปี 2567-2568 ทางอีส วอเตอร์ ตั้งงบประมาณไว้ 3,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนมูลค่าการลงทุนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง และต้องได้รับการอนุมัติจากบอร์ดผู้บริหาร โดยปี 2567 ได้มีการวางแผนลงทุนนอกพื้นที่เขต EEC คือ โซนภาคใต้ เช่น ภูเก็ต พังงา ซึ่งเป็นหัวเมืองในการท่องเที่ยวและยังมีการขาดแคลนน้ำอยู่

“การลงทุนปี 2567 จะน้อยกว่าปี 2566 เนื่องจากจะเน้นใช้ระบบงานที่ลงทุนในปี’65-66 อีกทั้งปี’66 มีการลงทุนค่อนข้างสูง มีการดำเนินการพร้อมกันถึง 3 โครงการ ภายในสิ้นปีนี้จะเห็นความชัดเจนของแผนการลงทุนปีหน้า ส่วนผลประกอบการของปี 2567 คาดว่าจะน้อยกว่าปี 2566 เนื่องจากมีการส่งมอบท่อคืนกรมธนารักษ์”

ส่วนสถานการณ์น้ำช่วงเอลนีโญ ปี 2567 ในโซนพื้นที่ EEC นั้นยังมั่นใจว่าปริมาณน้ำยังมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการใช้อย่างแน่นอน เพราะทางอีสท์ วอเตอร์ ได้ทำโครงการท่อส่งน้ำดิบ ทดแทนท่อที่ส่งมอบคืนให้กับทางกรมธนารักษ์แล้ว โดยโครงการดังกล่าวมีระยะทาง 560 กม. ควบคุมทั้ง 3 จังหวัด แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ จ.ชลบุรี ที่ปัจจุบันเหลือน้ำค่อนข้างน้อย จึงได้วางแผนผันน้ำจากบางพระ และการผันน้ำมาจากท่อที่ทางอีสท์ วอเตอร์ กำลังวางเส้น หนองปลาไหล-หนองค้อ-แหลมฉบัง มาช่วยเพิ่ม น่าจะเพียงพอ

ส่วนกรณีข้อพิพาทเรื่องท่อส่งน้ำ ได้มีการประชุมกับทางร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ คาดว่าการส่งมอบท่อให้กับกรมธนารักษ์แล้วเสร็จในสิ้นปี และแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการผันน้ำจากอ่างหนองประแสร์ ซึ่งปัจจุบันทางอีสท์ วอเตอร์มีการผันน้ำ 110,000 ลบ.ม.ต่อวันกรมชลประทานมีระบบสูบได้ 350,000 ลบ.ม.ต่อวัน จากเป้าหมายที่จะต้องผันน้ำให้ได้ 500,000 ลบ.ม.ต่อวัน ส่วนราชการจะหารือเรื่องแผนบริหารจัดการน้ำอีกครั้ง