“พัทยา-ภูเก็ต” สะพัดหมื่นล้าน ผับบาร์คึกโรงแรมจองเต็มรับปีใหม่

พัทยา

ปีใหม่ พัทยา-ชลบุรี คึกคักสุดๆ คาดมีนักท่องเที่ยวไทย-ต่างประเทศ แห่ร่วมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่กว่า 3 แสนคน รายได้กระฉูด 2.6 พันล้าน โรงแรมจอง 100% เต็ม 140,000 ห้อง ผับ บาร์เบียร์ เริงร่า โดยเฉพาะ “วอล์คกิ้งสตรีท-ถนนบัวขาว-พัทยาสาย 3” ส่วนภูเก็ตไม่น้อยหน้าเงินสะพัด 8 พันล้าน เฉพาะบางลาป่าตองเพียงย่านเดียว ตัวเลขพุ่งคืนละ 100 ล้าน ส่วนเชียงใหม่ผิดคาดผับบาร์หงอย-เปิดตี 4 ทำต้นทุนพุ่ง นักเที่ยวน้อย หวั่นพิษ ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ยาว 4 เดือน ทำรายได้วูบหนัก วอนรัฐหาทางเร่งแก้

หลังจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 มีมติเห็นชอบ กฎกระทรวงมหาดไทย ที่ไฟเขียวให้สถานบริการที่ตั้งอยู่ในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สถานบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี (พัทยา) เชียงใหม่ และท้องที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่เข้าเกณฑ์สามารถเปิดทำการได้ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566

ล่าสุด ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สำรวจความพร้อมและความคาดหวังของสถานบันเทิงสำหรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่จะมีวันหยุดยาว 3-4 วัน

คาดพัทยาเคานต์ดาวน์คึกคัก

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เมืองพัทยาจัดเขตโซนนิ่งเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 เฉพาะบริเวณถนนพัทยาสาย 3 เข้ามา 50 เมตรไปฝั่งทะเล ยาวไปถึงวงเวียนโลมา จนถึงวอล์คกิ้งสตรีท มีนักท่องเที่ยวคึกคักมาก จากการพูดคุยกับนายกสมาคมธุรกิจกลางคืน คาดว่าสถานบริการมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ขณะที่ผับบาร์ในย่านวอล์คกิ้งสตรีท มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% และคาดว่าในช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เมืองพัทยาจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวรัสเซีย อินเดีย เกาหลี จีน เวียดนาม ฯลฯ

คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีการจองที่พักในพื้นที่พัทยา นาจอมเทียน บางเสร่ จะมีไม่ต่ำกว่า 90% และในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่มีงานเคานต์ดาวน์ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในงาน Pattaya Countdown ไม่ต่ำกว่า 332,540 คน และคาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,605 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สำหรับในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีสถานประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต 2,580 แห่ง ได้แก่ บาร์เบียร์ 741 แห่ง บาร์น้ำ 4 แห่ง, ภัตตาคาร 9 แห่ง, สถานที่จัดโชว์การแสดง 51 แห่ง, สถานบริการอาหารและบันเทิง 217 แห่ง, สวนอาหาร/ร้านอาหาร 1,526 แห่ง, ห้องอาหาร (ในโรงแรม) 32 แห่ง หลังวันที่ 15 ธันวาคม 2566 มีสถานประกอบการมาขอใบอนุญาตเปิดเพิ่มในพื้นที่โซนนิ่ง 23 แห่ง

โรงแรมชลบุรียอดจองเต็ม

นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี เปิดเผยว่า ขณะที่มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติจองห้องพักเข้ามาเที่ยวใน จ.ชลบุรี ช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 3 วัน เต็ม 100% ประมาณ 140,000 ห้อง จากที่พักในจังหวัดชลบุรี มีประมาณ 2 แสนห้อง แต่ปัจจุบันเปิดให้บริการเพียง 70% โดยโรงแรมหลายแห่งที่รับกรุ๊ปทัวร์จีนยังไม่เปิดให้บริการ

อย่างไรก็ตาม หลังจากเทศกาลปีใหม่ผ่านไป ยังไม่รู้ว่าจะคึกคักมากน้อยเพียงใด เนื่องจากตอนนี้พฤติกรรมการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวต่างชาติเปลี่ยนไปจากเดิมการจองสั้น 4-5 วัน แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปจองวันต่อวัน หากมีโรงแรมใดราคาถูกกว่าจะย้ายทันที ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ต บริหารลำบากขึ้น นอกจากนี้ธุรกิจโรงแรมยังมีการแข่งขันด้านราคาที่พัก ทำให้มีการแย่งลูกค้ากันพอสมควร

วอล์คกิ้งสตรีทเงินสะพัด 2 เท่า

นายดำรงเกียรติ พินิจการ ผู้บริหาร Hollywood Pattaya และเลขานุการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา จ.ชลบุรี กล่าวในเรื่องนี้ว่า การอนุญาตให้สถานบันเทิงเปิดได้ถึงตี 4 ทำให้เมืองพัทยามีความคึกคักมาก และช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นประมาณ 20% และช่วงเทศกาลคริสต์มาส ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดประมาณณ 200 ล้านต่อคืน หรือเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า กลุ่มลูกค้าเป็นชาวไทย 20% ต่างประเทศประมาณ 80% อาทิ จีน เกาหลี อินเดีย และคาดว่าช่วงปีใหม่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น

ขณะที่ นางอำพร แก้วแสง ผู้บริหารร้านเดอะสโตนเฮ้าส์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณวอล์คกิ้งสตรีท พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า หลังรัฐบาลอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงได้ถึงตี 4 ภาพรวมธุรกิจในเมืองพัทยามีรายได้เพิ่มขึ้น 20-30% ขณะเดียวกันก็ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจ ทั้งร้านค้าทั่วไป ร้านอาหาร รวมถึงพนักงานบริการ หรือเด็กเสิร์ฟ มีรายได้เพิ่มขึ้น

“ตอนนี้สถานบันเทิงในพัทยาเติบโตขยายออกไปหลายพื้นที่ โดยเฉพาะซอยบัวขาว และถนนพัทยาสาย 3 มีนักลงทุนต่างชาติขยายไปลงทุนกันจำนวนมาก โดยเฉพาะคนอินเดีย จีน เนื่องจากบริเวณวอล์คกิ้งสตรีทมีระยะทางเพียง 2 กม. และค่อนข้างแน่น มีสถานบันเทิงประมาณ 200-300 แห่งแล้ว ตอนนี้นักลงทุนเลยแห่ไปลงทุนด้านนอกกันมาก โดยเฉพาะซอยบัวขาวจะมีการเปิดบาร์เบียร์จำนวนมาก” นางอำพรกล่าว

บางลาป่าตองโกย 100 ล้าน

นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า การขยายเวลาเปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ถึงตี 4 ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้น ประเมินว่าเฉพาะถนนบางลาป่าตองเพียงย่านเดียว น่าจะมีประมาณ 100 ล้านบาทต่อคืน ขณะเดียวกันก็ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น ส่วนในโซนอื่น ๆ ที่เป็นพื้นที่โซนนิ่งยังไม่มีการสำรวจ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ 99% เป็นชาวต่างชาติ และที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวคนไทย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแม้ว่าผู้ประกอบการร้านค้าส่วนใหญ่เป็นของคนไทย และมีร้านค้าของชาวต่างชาติประมาณ 10% แต่ก็พบว่าคนต่างชาติแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น

นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า คาดการณ์วันสิ้นปีและวันขึ้นปีใหม่ 2567 จังหวัดภูเก็ต (29 ธันวาคม 2566 – 1 มกราคม 2567) รวม 4 วันจากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างโรงแรมจากร้อยละ 30 ของแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยจำนวนห้องพักทั้งหมด 101,556 ห้อง จำนวนโรงแรม 1,890 แห่ง

อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 81.69% วันพักเฉลี่ย 3.62 วัน จำนวนผู้เยี่ยมเยือน 265,835 คน-ครั้ง คาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้เฉลี่ย 8,348.40 ล้านบาท

ผับบาร์เชียงใหม่ไม่คึกคัก

นายธนิต ชุมแสง นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันมีร้านอาหารและสถานบริการในเชียงใหม่เปิดบริการตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ. 2509 มีเพียง 27 แห่ง แต่ในจำนวนนี้มีร้านที่เปิดบริการถึงตี 4 เพียง 10 แห่งเท่านั้น ขณะที่ร้านอาหารและสถานบันเทิงในเชียงใหม่มีจำนวนราว 12,800 แห่ง แต่ยังไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509

ร้านที่เปิดถึงตี 4 มีเพียง 10 ร้าน ซึ่งถือว่าน้อยและไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าที่ควร และร้านที่เปิดส่วนใหญ่ก็จะเปิดไม่ถึงตี 4 เนื่องจากภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น และในแง่ของผู้เข้ามาใช้บริการก็ไม่นั่งกันถึงตี 4 อย่างมากสุดถึงแค่ประมาณตี 2 เนื่องจากคนที่มาใช้บริการส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นกลุ่มคนทำงานและวัยรุ่น ขณะที่ชาวต่างชาติไม่ใช่ลูกค้ากลุ่มหลักของสถานบันเทิงที่เปิดบริการถึงตี 4

ประเด็นของร้านอาหารและสถานบันเทิงในเชียงใหม่ ที่น่ากังวลมากกว่าการเปิดถึงตี 4 คือ ปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และผลกระทบจะกินเวลายาวนานราว 4 เดือน คนจะออกมาใช้บริการลดลงมากในช่วงนั้น

ทั้งนี้ เมื่อดูจากผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดเชียงใหม่ (GPP) อยู่ที่ราว 2.8 แสนล้านบาทต่อปี คิดเป็นสัดส่วนธุรกิจการบริการท่องเที่ยว 70% (196,000 ล้านบาทต่อปี) แบ่งเป็นสัดส่วนของธุรกิจร้านอาหารและสถานบันเทิงราว 10% (19,600 ล้านบาทต่อปี) ซึ่งธุรกิจร้านอาหารและสถานบันเทิงในเชียงใหม่จะสูญเสียรายได้ในช่วงที่เกิดฝุ่นควัน PM 2.5 คาดว่าเกือบ 10,000 ล้านบาท จึงอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาในเรื่องฝุ่นควัน PM 2.5 เป็นวาระเร่งด่วน