
เชียงใหม่ขึ้นอันดับ 1 มลพิษทางอากาศหนักสุดโลก ฝุ่น PM 2.5 คลุมทึบ 25 อำเภอ ด้านสภาลมหายใจฯ เรียกร้อง WFH ผู้ว่าฯเชียงใหม่สั่งการหยุดเผา 100%
วันที่ 7 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่วันนี้ เพจ IQAir รายงานดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) โดยจัดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดวันนี้พบว่า 1.เชียงใหม่ ประเทศไทย 2.มุมไบ ประเทศอินเดีย 3.ทาซเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน 4.เดลี ประเทศอินเดีย 5.ฮานอย ประเทศเวียดนาม
ทั้งนี้ ค่าฝุ่น PM 2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่วันนี้ ภาพรวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่ พุ่งสูงขึ้นทั้ง 25 อำเภอ โดยเฉพาะ 5 อำเภอที่มีค่าฝุ่นสูงที่สุดได้แก่ เวียงแหง ไชยปราการ ฝาง แม่อาย และเชียงดาว
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่วันนี้มีค่าฝุ่นสูงขึ้น ซึ่งได้รับผลกระทบลมตะวันตกที่เป็นฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้านพัดเข้ามา ทำให้ 5 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ที่ได้รับลมตะวันตกมีค่าฝุ่นอยู่ในระดับที่สูงมาก ได้แก่
อำเภอเวียงแหง ไชยปราการ ฝาง แม่อาย และเชียงดาว ขณะที่เขตอำเภอเมืองเชียงใหม่มีค่าฝุ่นต่ำสุดจากทั้งหมด 25 อำเภอ ขณะเดียวกัน จังหวัดเชียงใหม่จะเร่งแก้ไขสถานการณ์ฝุ่นควันที่รุนแรงในขณะนี้ให้ดีที่สุด ล่าสุดได้สั่งการให้งดการบริหารจัดการเชื้อเพลิง (การชิงเผา) ในพื้นที่ป่าอุทยานฯทั้งหมดแล้ว โดยให้หยุดเผา 100% เพื่อไม่ให้เกิดควันซ้ำเติมเข้ามาอีก และภายใต้สถานการณ์นี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังสุขภาพและงดทำกิจกรรมนอกบ้าน
นายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าวันนี้ (7 มีนาคม 2567) สภาลมหายใจเชียงใหม่ ได้ออกข้อเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด ดำเนินการมาตรการป้องกันภัยฝุ่นสูงสุด ได้แก่ ประกาศหยุดเรียน ทำงานจากบ้าน (Work From Home) หยุดการใช้รถการจราจรที่จะทำให้ฝุ่นสูงขึ้นไปด้วย ให้ทุกคนใช้หน้ากากป้องกันฝุ่น แจกจ่ายหน้ากากให้กลุ่มเปราะบาง กลุ่มยากลำบาก ดูแลผู้ป่วย และผู้เปราะบางโดยทันที
นายชัชวาลย์กล่าวต่อว่า ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ถือเป็นช่วง Peak ของสถานการณ์ฝุ่นควัน PM 2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ เป็นวัฏจักรที่เกิดขึ้นทุกปี ซึ่งแม้ในปีนี้จังหวัดเชียงใหม่จะมีมาตรการในการบริหารจัดการที่ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธฝุ่นควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้านได้
ดังนั้น กระบวนการแก้ปัญหาต้องมองใน 2 ส่วนหลัก คือ
1.การแก้ไขในพื้นที่ซึ่งต้องทำอย่างเป็นระบบทั่วทั้งภาคเหนือ โดยต้องแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การปรับเปลี่ยนพืชเชิงเดี่ยวให้เป็นพืชที่มีมูลค่าสูง ทำอย่างไรให้เกษตรกรในพื้นที่มีความมั่นคงทางรายได้จากการปรับเปลี่ยน และต้องมีการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการเผาอย่างชัดเจน
2.ฝุ่นควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีสาเหตุหลักจากการเผาพืชเชิงเดี่ยว ซึ่งต้องมีการควบคุมบริษัทอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ ที่เข้าไปส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยวในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นปัญหาเชิงนโยบายระหว่างประเทศที่ต้องมีมาตรการแก้ไขร่วมกันอย่างเป็นระบบ
ขณะที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 ระบุว่า วันที่ 7 มีนาคม 2567 ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน (37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และแม่ฮ่องสอน โดยพบว่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งช่วงเวลา 09.00 น. มีค่าระหว่าง 43.1-199.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ