เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ หรือคิงส์โรมัน (Kings Roman) บนดินแดนเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย กลายเป็นมณฑลหนึ่งของจีนที่ติดชายแดนไทยมากที่สุดเพียงข้ามแม่น้ำโขงไป กล่าวได้ว่าเป็นอาณาจักรเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Entertainment Complex) ที่สมบูรณ์แบบครบวงจรระดับโลก
กว่า 17 ปีที่กลุ่มดอกงิ้วคำของ “เจ้าเหว่ย” ทุนจีนรายใหญ่ได้สัมปทานพื้นที่ราว 2,173 เฮกตาร์ หรือราว 102 ตารางกิโลเมตร หรือราว 63,750 ไร่ จากรัฐบาล สปป.ลาว เป็นระยะเวลา 99 ปี โครงการมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
โดยวางเป้าหมายชัดคือ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ การเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวทางแม่น้ำโขง ศูนย์กลางโลจิสติกส์ การพัฒนาด้านเกษตรครบวงจร การกีฬาและสันทนาการครบวงจร ด้วยตัวเลขการลงทุนหลักแสนล้านบาท
จากการสำรวจพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำของ “ประชาชาติธุรกิจ” พบว่าในเขตเมืองอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายด้าน ทั้งท่าเรือมาตรฐาน การขยายถนน สร้างป้ายรถประจำทาง การสร้างห้องน้ำสาธารณะที่สะอาดและสวยงาม รวมถึงมีแท็กซี่ป้ายจีน เพื่อบริการนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศ
หากมองจากฝั่งอำเภอเชียงแสน จะเห็นภาพเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงเรียงรายตลอดแนวริมแม่น้ำโขง ซึ่งรวมถึงอาคารชุด-คอนโดมิเนียมอีกนับ 10 แท่งที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ขณะที่ภายในเขตใจกลางเมืองมีทั้งโรงแรม บ่อนกาสิโน คอนโดมิเนียม-อาคารชุดเพื่ออยู่อาศัย อาคารสำนักงาน บริษัทห้างร้าน ภัตตาคาร ร้านอาหาร สถานบันเทิง ตลาดปลอดภาษี (ดอนซาว) ไชน่าทาวน์ โรงเรียนนานาชาติ วัดจีน สวนสาธารณะ สนามกอล์ฟ สนามบิน ฯลฯ โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำมีการบริหารจัดการแบบพิเศษ ปัจจุบันมีพลเมืองภายในและต่างประเทศอยู่รวมกันประมาณ 60,000 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) รายงานว่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565-มิถุนายน 2566 มีคนเข้า-ออก 85 สัญชาติ จำนวน 278,231 คน และมีคนเดินผ่านด่านท้องถิ่นต้นผึ้งกว่า 100-200 คนต่อวัน ช่วงวันหยุดมีมากถึง 200-300 คน
เปิดสนามบินบ่อแก้วรับนักท่องเที่ยว
แหล่งข่าวด้านธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมในอำเภอเชียงแสนเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติบ่อแก้ว ต้องผ่านด่านตรวจของเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเข้มงวด เนื่องจากสนามบินอยู่นอกเขตเศรษฐกิจ เพราะส่วนใหญ่ในเขตแห่งนี้มีเฉพาะคนจีน นักท่องเที่ยว และชาวเมียนมา คนลาวส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาในเขตนี้ ยกเว้นเข้ามาทำงานเป็นไกด์ท่องเที่ยว
โดยสนามบินแห่งนี้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 มีพื้นที่ราว 1,800 ไร่ รันเวย์ยาว 2,700 เมตร มูลค่าการลงทุนกว่า 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของ สปป.ลาว มาตรฐานของสนามบินสามารถรองรับเครื่องบินขนาดไม่เกิน 200 ที่นั่ง เช่น แอร์บัส A321 โบอิ้ง 737-900 ATR-72
ก่อนถึงสนามบินมีการเร่งถางดอยไม่น้อยกว่า 5-6 ลูก เพื่อเตรียมปลูกทุเรียน รองรับตลาดคนจีนที่มีดีมานด์เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีกว่าต้นทุเรียนจะโต นับเป็นยุทธศาสตร์ของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ในการส่งเสริมด้านการเกษตรสมัยใหม่ เพื่อป้อนการบริโภคในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ และหากเหลือจะส่งต่อไปยังตลาดจีนและลาว นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่ปศุสัตว์ วัว สุกร และการพัฒนาพื้นที่ปลูกถั่ว และดอกไม้ประดับด้วย
ทุ่มทำท่าเรือ-อสังหาฯ
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า กลุ่มทุนจ้าวเหว่ยอยู่ระหว่างลงทุนก่อสร้างท่าเรือแห่งใหม่ รวมถึงท่าเรือท่องเที่ยวเกาะดอนซาว มีเป้าหมายรองรับผู้โดยสารปีละ 450,000 คน, ท่าเรือขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 150,000 คน และท่าเรือน้ำลึกริมฝั่งแม่น้ำโขง พร้อมลานพิธีการศุลกากร สามารถรองรับเรือขนาด 500 ตัน หรือรองรับสินค้าได้ปีละ 10,000 ตัน ในปีนี้คาดว่าโครงการจะเปิดเส้นทางเดินเรือสำราญในแม่น้ำโขง เชื่อมโยงระหว่างจีน ลาว เมียนมา และไทย
ขณะเดียวกัน ได้ลงทุนเปิดสนามกอล์ฟภูกิ่วลม 36 หลุม มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 1,500 ไร่ โดยมีโรงแรม ที่พัก ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 เพื่อเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวในอาเซียนและต่างประเทศ
นอกจากนี้ มีโครงการตลาดน้ำมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 42 ไร่ ก่อสร้างโดยบริษัท จิงเสิน จำกัด โดยต้องการทำให้บรรยากาศแบบมาเก๊า ภายในจะมีทั้งโรงแรม ตลาดน้ำ คาเฟ่ ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่าง ๆ ฯลฯ รูปแบบอนุรักษ์ประเพณี วัฒนธรรม ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์กลาง หรือแลนด์มาร์กใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่จะไหลข้ามมาจากฝั่งไทย
เก้า ไกด์นำเที่ยวชาวลาว เมืองต้นผึ้ง บอกว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำยังมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเขตพื้นที่เมืองชั้นในกำลังมีการลงทุนสร้างโรงเรียนนานาชาติ เพื่อรองรับลูกหลานของคนที่ทำงานในกาสิโนคิงส์โรมัน โดยเรียนฟรีทั้งหมด รวมถึงกำลังก่อสร้างคอนโดมิเนียม-อาคารชุดหลายแห่ง รองรับคนที่จะเข้ามาทำงานเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน
ขณะที่ชาวเมียนมาที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ปัจจุบันมีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่มาทำงานด้านการก่อสร้าง โดยจะมีโซนที่พักอาศัยเฉพาะของชาวเมียนมา ขณะที่ชาวลาวส่วนใหญ่จะทำงานในสำนักงาน หรืองานบริการ เช่น ฝ่ายต้อนรับโรงแรม ไกด์ คนขับรถเช่า รปภ. เป็นต้น
“เชียงแสน” แค่ทางผ่าน
จิระศักดิ์ นวปฏิภาณ รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย ฝ่ายการค้าชายแดน อำเภอเชียงแสน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำ กำลังเร่งดึงทุนจากมณฑลต่าง ๆ ของจีนมาลงทุนก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ ได้จัดโซนการลงทุนให้แต่ละมณฑลอย่างลงตัว โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนด้านอาคารชุดเพื่ออยู่อาศัย
รวมถึงการลงทุนด้านธุรกิจบริการอื่น ๆ ทั้งเป็นภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจด้านบันเทิง สนามกอล์ฟ โรงเรียนนานาชาติ รวมถึงโรงพยาบาลขนาด 100 เตียงที่อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับกลุ่มทุนโรงพยาบาลเอกชนของไทย โดยนักลงทุนจีนจะเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด โดยจะนำบุคลากรทางการแพทย์ของไทยเข้าไปทำงาน
หากมองในแง่ผลประโยชน์ของอำเภอเชียงแสนที่จะได้รับจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ในฐานะเมืองชายแดนที่อยู่ตรงข้ามกัน กล่าวได้ว่าในปัจจุบันแทบไม่ได้ประโยชน์หรืออานิสงส์อะไรเลย ทุกวันนี้เชียงแสนเป็นแค่ทางผ่านของนักท่องเที่ยวคนไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่คิงส์โรมันเท่านั้น
เนื่องจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีทุกอย่างครบวงจร จึงเป็น Magnet ดึงนักท่องเที่ยวคนไทยเข้าไปได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ มีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเฉลี่ยต่อเดือนราว 10,000 คน
จิระศักดิ์กล่าวต่อไปว่า อาจมีเพียงผู้ประกอบธุรกิจรถรับจ้างคนไทยที่ให้บริการรถรับส่งนักท่องเที่ยวคนจีนจากสนามบินเชียงรายมาอำเภอเชียงแสนเพื่อข้ามไปเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเท่านั้นที่ได้ผลประโยชน์ รวมถึงผู้ประกอบการเรือข้ามฟากที่ได้รับผลประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจของอำเภอเชียงแสนพยายามปรับตัวเพื่อรับการพัฒนาของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ อาทิ มีนักลงทุนในท้องถิ่นลงทุนเปิดร้านอาหารริมแม่น้ำโขงเพิ่มมากขึ้นราว 10 แห่ง และมีโรงแรมระดับ 2-3 ดาวเปิดใหม่ริมแม่น้ำโขง 2 แห่ง เพื่ออาศัยจุดชมวิวฝั่งตรงข้ามของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำที่จะมีแสงสียามค่ำคืน
ซึ่งปัจจุบันค่าเช่าที่ดินริมแม่น้ำโขงฝั่งอำเภอเชียงแสนมีราคาแพงมาก จากริมถนนขนาดความกว้าง 25 เมตร และลึกลงไปถึงริมแม่น้ำโขง ค่าเช่าอยู่ที่ราว 100,000 บาทต่อเดือน
ชูสถานบันเทิงปลุกเชียงแสน
จิระศักดิ์กล่าวต่อว่า หอการค้าจังหวัดเชียงรายได้มองในแง่ผลกระทบและผลประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเสนอมายังรัฐบาลไทยในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมกับอำเภอเชียงแสน จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับทางฝั่งคิงส์โรมันมากขึ้นหรือไม่ และในเชิงพื้นที่ของเชียงแสนจะได้ประโยชน์อะไร ซึ่งผู้ประกอบการเรือข้ามฟากก็อาจเสียประโยชน์ไป รวมถึงต้องดูในเรื่องความมั่นคงด้วย
ด้านการพัฒนาของอำเภอเชียงแสน เพื่อสอดรับให้ทันกับการพัฒนาของฝั่งคิงส์โรมัน ผู้ประกอบการภาคธุรกิจอาจพัฒนาได้ค่อนข้างช้า เนื่องจากที่ดินมีราคาค่อนข้างแพงมาก จำเป็นต้องรอโครงการลงทุนจากรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมามีคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายหลายครั้ง เพื่อรับฟังข้อมูลจากคนในพื้นที่เกี่ยวกับการทำโครงการสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)
โดยหอการค้าจังหวัดเชียงรายเห็นว่ารัฐบาลต้องนำเมกะโปรเจ็กต์ลงสู่พื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเชียงแสน เพื่อสร้าง Magnet ดึงดูดการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสในเชิงเศรษฐกิจในฐานะเมืองชายแดนที่อยู่ตรงข้ามเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เช่น นักท่องเที่ยวข้ามไปตีกอล์ฟที่ฝั่งคิงส์โรมัน และกลับมาทำสปาที่ฝั่งเชียงแสน
ทำให้เชียงแสนเป็น Wellness City เป็นจุดแวะพักค้างแรมนานขึ้น มีกิจกรรมให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อดึงการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่ข้ามไปฝั่งคิงส์โรมัน รองรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่เชียงแสนมากขึ้นในอนาคต
ประเด็นท้าทายหลักภายใต้นโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ หรือ NEC ที่ครอบคลุมภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และเชียงราย เป็นแกนขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งภาคเหนือที่จะดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศและภายในประเทศ เพื่อให้มวลรวมเศรษฐกิจภาคเหนือเติบโต
หากว่าปลายทางในระเบียงเศรษฐกิจของเชียงราย ได้ยึดโยงกับฐานเศรษฐกิจของจีนขนาดใหญ่ระดับแสนล้านบาท ทั้งในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำฝั่งตรงข้ามอำเภอเชียงแสน และด้านถนน R3A ที่ทางทุนจีนได้ยึดทำเลประชิดอำเภอเชียงของเช่นกัน การปรับตัวและวางยุทธศาสตร์สำหรับประเทศไทย จำเป็นในการทำให้ระเบียงเศรษฐกิจก่อให้เกิดผลประโยชน์นอกพรมแดน หากแต่เป็นความท้าทายในการเชื่อมร้อยให้เกิดการลงทุนหมุนเวียนในพื้นที่ภาคเหนืออย่างเป็นรูปธรรม