ไชยา รมช.เกษตรฯ ดัน “เชียงแสน” เส้นทางส่งออกโคมีชีวิตลุ่มน้ำโขง

Chaiya

“ไชยา” รมช.เกษตรฯ ดัน “เชียงแสน” เส้นทางส่งออกโคมีชีวิตลุ่มน้ำโขง สั่งการกรมปศุสัตว์เจรจาขอโควตาวัวมีชีวิตจากประเทศจีน พร้อมสนับสนุนเอกชนไทยจีนลาวตั้งบริษัทรวมทุนส่งออกวัว

วันที่ 18 มีนาคม 2567 นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่อำเภอเชียงแสน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 ดูท่าเรือส่งออก สร้างด่านกักสัตว์ รับฟังปัญหาเกษตรกร เร่งผลักดันส่งออกสินค้าปศุสัตว์ สร้างรายได้ พร้อมเยี่ยมกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์นำเข้าและส่งออก ณ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน จังหวัดเชียงราย

พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม รับฟังปัญหาและข้อเรียกร้องจากเกษตรกรให้ช่วยผลักดันสินค้าปศุสัตว์ให้มีราคาที่สูงขึ้น รวมถึงจัดหาช่องทางส่งออกโคมีชีวิตไปยังต่างประเทศ

ไชยา พรหมา

นายไชยากล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายให้กระทรวงเกษตรฯ ดูแลสินค้าเกษตรและช่วยให้ชีวิตของเกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเจรจาการค้ากับประเทศจีน และซาอุดีอาระเบีย เพื่อเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์ โดยไทยจัดเตรียมฟาร์มให้ได้มาตรฐานเพื่อส่งออกตรงตามประเทศปลายทาง และสร้างความมั่นใจว่าไม่มีโรคระบาด ซึ่งจะทำให้เกษตรกรไทยมีรายได้จากการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ และช่วยให้กลไกตลาดกลับสู่สภาวะเป็นปกติ

หลังจากนั้นได้เยี่ยมชมการปฏิบัติงานท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และร่วมมอบนโยบายการดำเนินงานแก่เจ้าหน้าที่ให้การดำเนินโครงการสำคัญ อาทิ โครงการส่งเสริมความร่วมมือกับท่าเรือกวนเหล่ย ประเทศจีน โครงการเขตปลอดอากร (Free Zone) และโครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

พร้อมกันนี้นายไชยาได้เดินทางไปพื้นที่สำหรับจัดทำสถานกักกันสัตว์ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อร่วมพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรในการก่อสร้างสถานที่กักกันสัตว์ โดยให้อ้างอิงรูปแบบจากสถานที่กักกันสัตว์ ณ เมืองสิง ประเทศลาว ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ จะสนับสนุนด้านข้อมูลกฎหมาย การประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงจัดหาพื้นที่ชลประทานหรือสิ่งจำเป็นภายใต้การดูแลของกระทรวง เพื่ออำนวยความสะดวกให้พื้นที่ดังกล่าว สามารถเป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์ พร้อมกักกันโรคก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศ

โดยได้มอบหมายกรมปศุสัตว์ให้วางมาตรการสำหรับดำเนินการ 2 ส่วน ได้แก่ 1) เจรจากับทางจีนให้ประเทศไทยได้รับโควตาส่งออกวัวได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านไปกักกันโรคที่ประเทศลาว เพื่อลดการแบกรับต้นทุนของเกษตรกร

และ 2) เปิดให้มีการเจรจาพูดคุยกันระหว่างผู้ประกอบการไทย จีน และลาว ร่วมมือกันทำธุรกิจส่งออกวัวไทยไปจีน โดยมีลาวเป็นคู่ค้าร่วมเพื่อให้การส่งออกเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งต้องเปิดการเจรจากับทาง สปป.ลาวต่อไป

นอกจากนี้ได้เดินทางต่อไปปางควายเวียงหนองหล่ม จุดห้วยน้ำราก ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อรับฟังปัญหาการขาดแคลนหญ้าเลี้ยงสัตว์ พร้อมเสนอแนะให้ท้องถิ่นทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวิถึชีวิตชุมชนอีกทั้งเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ควายไทยต่อไป