รายงานพิเศษ
อยู่ ๆ หลายคนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมช่วงนี้ราคา “มะพร้าว” พุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ !
โดยเฉพาะ “มะพร้าวอ่อนน้ำหอม” ราคาขายปลีกโดดขึ้นไปถึงลูกละ 50 บาท !
ยิ่ง “มะพร้าวอ่อนน้ำหอม” ที่ขายในห้างสรรพสินค้าราคาขายปลีกแพงลิบลิ่วถึงลูกละ 65-85 บาท !
ทำเอาบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ทำแกงกะทิ ขนมไทย เบเกอรี่ คนทำไอศกรีมกะทิ รวมถึงบรรดาสาว ๆ ที่ต้องดื่มน้ำมะพร้าวทุกเช้า เพื่อชะลอวัย เดือดร้อนไปตาม ๆ กัน
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้ไปสำรวจสวนมะพร้าวหลายพื้นที่ พบว่าเดือนธันวาคม 2566 ราคาหน้าสวนมะพร้าวซื้อขายกัน 8-10 บาทต่อลูก แต่เดือนมกราคม 2567 เริ่มขยับขึ้นมาเป็น 16-17 บาทต่อลูก และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วราคาหน้าสวนอยู่ที่ 33-35 บาทต่อลูก
สาเหตุหลักที่ทำให้ราคามะพร้าวขยับขึ้นสูง เพราะหลายพื้นที่ประสบปัญหา “ภัยแล้ง” ต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรหลายชนิด ผลผลิตออกน้อย ขณะที่ความต้องการในตลาดสูง ทำให้มีการแย่งซื้อกันในตลาดราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่หลายสวนไม่มีผลผลิตขาย
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาเริ่มขยับลงเล็กน้อย เนื่องจากล้งหรือผู้ประกอบการที่ทำตลาดส่งออกไปจีนหลายรายเริ่มชะลอการรับซื้อมะพร้าวลง เพราะราคาสูง และหันไปซื้อทุเรียนที่กำลังเข้าสู่ช่วงพีก หรือผลผลิตออกมากแทน ทำให้ราคามะพร้าวหน้าสวนขยับลงมาเล็กน้อยเหลือลูกละประมาณ 28 บาท
“แพลททินัม” ชะลอส่งออกมะพร้าว
นายณธกฤษ เอี่ยมสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด ผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ของไทยกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปกติช่วงไตรมาส 2 ของทุกปีเข้าสู่ฤดูร้อนมะพร้าวจะออกผลผลิตน้อย ยิ่งปีนี้หลายพื้นที่ประสบปัญหาแล้งมากกว่าทุกปี ทำให้สวนมะพร้าวหลายแห่งในเขตราชบุรีและนครปฐมประสบปัญหาผลผลิตออกน้อยกว่าทุก ๆ ปีที่ผ่านมา
ส่งผลให้ราคาต้นทุนของมะพราวสูงขึ้น กระทบมายังผู้ส่งออกต้องรับภาระต้นทุนที่แพงขึ้น แต่เนื่องจากมะพร้าวสดส่งออกในตลาดปลายทางถือเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง เมื่อราคามะพร้าวแพงทำให้ผู้บริโภคหันไปดื่มเครื่องดื่มน้ำผลไม้สำเร็จรูปแทน
“ราคาจะขึ้นไปจนถึงระดับอิ่มตัว ถ้าแพงเกินกว่าตลาดจะรับได้ การสั่งซื้อก็จะลดลง ซึ่งจะสะท้อนกลับมาที่ต้นทาง ทำให้ราคาไม่ขยับขึ้นไปมากกว่าที่ตลาดจะรับได้”