“พัชรวาท” ลุยภูเก็ตฟังปัญหาในพื้นที่ ห่วงขยะอวน – ขยะมรสุม พร้อมหามาตรการรับมือ ก่อนกระทบท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม กำชับติดตามปะการังฟอกขาว ขณะเดียวกัน “ตัวแทนชาวบ้าน” บุกขอบคุณช่วยเร่งรัดแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าชายเลน วอน แก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่ง – เร่งรัดโครงการป่าในเมือง
วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นประธานพิธีเปิดสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต (ทสจ.) หลังใหม่
โดย ได้พบปะประชาชนที่มาร่วมงาน พร้อมรับฟังปัญหาในพื้นที่ อาทิ การบำบัดน้ำเสีย การแก้ไขปัญหาขยะและรับหนังสือร้องทุกข์ที่ขอให้แก้ไขปัญหา และเร่งรัดดำเนินการเรื่องการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าชายเลน และขอให้สนับสนุนและเร่งรัดการดำเนินการโครงการป่าในเมือง “ป่าชายเลนบ้านอ่าวกุ้ง ท่าเล หลังแดงภูเก็ต” ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท รับปากที่จะเร่งรัดให้ดำเนินโครงการได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้
ด้านนายธีระ พุ่มช่วย สท.เขตตำบลรัษฎา ได้เป็นตัวแทนชาวบ้านกล่าวขอบคุณ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ได้แก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยแก่ชาวบ้านในพื้นที่ชุมชน จนสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาสาธารณูปโภคต่าง ๆ ให้แก่ประชาชนจนสำเร็จตามนโยบายภาครัฐ อีกทั้งได้ขอให้ช่วยแก้ไขปัญหา
พล.ต.อ.พัชรวาท ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาบำบัดน้ำเสียว่า เรื่องนี้ ทสจ. ได้มีการดำเนินการร่วมกับนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายเรวัต อารีรอบ นายก อบจ. หน่วยงานในพื้นที่ มีแผนงานในการจัดการอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ตนเป็นห่วงเรื่องขยะ ทั้งขยะอวนและขยะมรสุม จึงได้มอบหมายให้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ไปดำเนินการ เนื่องจากปัญหาขยะเหล่านี้จะมีเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูมรสุม จึงอยากให้เตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าจะได้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในชายหาดสำคัญ ๆ
จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ได้เดินทางไปยังศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน เพื่อติดตามปัญหาและรับฟังการบรรยายปะการังฟอกขาว จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
“ขอให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาวอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลรักษาระบบนิเวศที่สำคัญของท้องทะเลไทย ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทุ่มเทในการทำงาน”
สำหรับสถานการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย พบว่ามีความรุนแรงในฝั่งอ่าวไทยมากกว่าฝั่งอันดามัน โดยเกิดการฟอกขาวแล้วมากกว่า 50% ของพื้นที่แนวปะการังฝั่งอ่าวไทย เช่น พื้นที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะคราม จังหวัดชุมพร สำหรับในฝั่งอันดามันพบการฟอกขาว ไม่เกิน 20% ของพื้นที่ โดยส่วนใหญ่เกิดในบริเวณที่มีความลึกไม่เกิน 2 เมตร เช่น เกาะรอก จ.ตรัง ส่วนใหญ่จะพบว่าปะการังมีสีซีด ซึ่งเป็นผลกระทบจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 2 สัปดาห์ จากปัญหาที่เกิดขึ้น ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ปะการังฟอกขาว
เบื้องต้นทราบว่า ขณะนี้มหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ El Niño-Southern Oscillation (ENSO) ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย (SST) และมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดปะการังฟอกขาวในประเทศไทยในช่วงระหว่างเดือนเมษายน – กรกฎาคม 2567 โดยระดับความรุนแรงอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
ดังนั้น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จึงหารือร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและลดภัยคุกคามจากกิจกรรมการท่องเที่ยว ประมงชายฝั่ง การทิ้งขยะลงในทะเล รวมถึงการจัดทำแนวทางการป้องกันปะการังฟอกขาวให้หน่วยงานในพื้นที่ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
อีกทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับปะการังฟอกขาวให้แก่เครือข่ายอนุรักษ์ปะการัง กลุ่มนักดำน้ำ นักท่องเที่ยว ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากพบเห็นการเกิดปะการังฟอกขาว
ทั้งนี้ก่อนที่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะเดินทางกลับ ได้พบกับตัวแทนชาวบ้าน นำโดยนายสมพล บุญศรี ยื่นหนังสือร้องทุกข์ ขอให้มีการแก้ปัญหาเรื่องการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหาดทรายแก้ว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง และขอให้เสนอข้อมูลเป็นแนวทางและรูปแบบการแก้ไขปัญหาเพื่อให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแก้ปัญหาการกัดเซาะอย่างยั่งยืนด้วยวิธีปักไม้ชะลอคลื่นเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในภาพรวม