ภาคเอกชน “ภูเก็ต-กระบี่-พังงา” ดัน “อันดามันแซนด์บ๊อกซ์”

ภาคเอกชน “ภูเก็ต-กระบี่-พังงา” บูรณาการดัน “อันดามันแซนด์บ๊อกซ์” ชง ศบค. ลดเวลากักตัวจาก 14 เหลือ 7

วันที่ 11 มิถุนายน 2564 เวลา ที่จังหวัดกระบี่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานประชุมเขตตรวจราชการแบบมินิ 3 จังหวัดฝั่งอันดามันประกอบด้วยภูเก็ต-กระบี่-พังงา โดยมี ตัวแทนภาครัฐและภาคเอกชน จังหวัดภูเก็ต พังงาและกระบี่ข้าร่วมการหารือ ต่อเนื่องจากการประชุมทีมเซลล์แมน ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อบูรณาการการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันด้วยกัน

จากการหารือระหว่างภาคเอกชนผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวและการค้าของจังหวัดฝั่งอันดามัน ซึ่งประกอบจังหวัดภูเก็ต พังงาและกระบี่ของการตรวจราชการของเขตจังหวัดอันดามัน ซึ่งเป็นการหารือและบูรณาการของเอกชนทั้ง 3 จังหวัด ในเรื่องภูเก็ตแซนบอกซ์ ซึ่งถือว่าเป็นภูเก็ตโมเดลในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่จะถึงนี้ โดยจะมีการบูรณาการร่วมกันทั้ง 3 จังหวัด ภายใต้เงื่อนไขว่า ทั้ง 3 จังหวัดได้รับวัคซีนครบตามที่กำหนดไว้และมีการกระจายวัคซีนครบตามเป้าหมายทั้งหมดแล้ว 

ประกอบด้วยจังหวัดภูเก็ตเดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม จำนวน 930,000 โดส จังหวัดพังงาเดือนเมษายนจนถึงเดือนกันยายน จำนวน 320,000 โดส จังหวัดกระบี่เดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม จำนวน 730,000 โดส แต่ละจังหวัดมีกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีนร้อยละ 70 เป็นไปตามที่ สบค.ได้กำหนดไว้

ในการหารือกันทั้ง 3 จังหวัดมีข้อสรุป 4 ประเด็นที่จะเสนอกับศบค.และคณะรัฐมนตรีดังนี้  ประเด็นที่ 1.ทั้ง 3 จังหวัดจะทำการฉีดวัคซีนกลุ่มและพื้นที่เป้าหมายให้ได้ร้อยละ 70 ของประชากร จังหวัดภูเก็ตจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อทำการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายในวันที่ 1กรกฎาคม 2564 ได้ 

ส่วนจังหวัดกระบี่และจังหวัดพังงาจะดำเนินการฉีดวัคซีนร้อยละ 70 ในพื้นที่กำหนดโซนการท่องเที่ยว เช่น จังหวัดกระบี่ได้กำหนดในพื้นที่เกาะพีพี อ่าวไร่เล และเกาะไหง  จังหวัดพังงากำหนดพื้นที่เขาหลักและอ่าวพังงา ทั้งนี้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ครบตามกำหนดกักตัว 14 วันที่จังหวัดภูเก็ต ประเด็นที่ 2.มีการหารือเส้นทางการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัดหรือซีลรูสท์เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่กำหนดครบเวลาที่จังหวัดภูเก็ตและสามารถตามเส้นทางดังกล่าวได้ ตามที่ภาคเอกชนและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแต่ละจังหวัดเป็นผู้กำหนดและตามจุดนั้นๆก็จะมีการฉีดวัคซีนครบตามกำหนด ประเด็นที่ 3.ภาคเอกชนทั้ง 3 จังหวัดมีความเห็นร่วมกันว่า ให้ ศบค.ทำการทบทวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กักตัวอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตจากเดิม 14 วันให้เหลือเพียง 7 วันและประเด็นที่ 4.ให้จังหวัดกระบี่และจังหวัดพังงาดำเนินการนำโครงการภูเก็ตแซนบ๊อกซ์ไปขยายผลและดำเนินการต่อไปในอนาคต หากจังหวัดภูเก็ตประสบความสำเร็จก็จะทำให้พื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดก็จะรวมกันเป็น อันดามันแซนด์บ๊อกซ์ต่อไป เพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยวร่วมกันในอนาคต

ด้าน พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี  ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่กล่าวว่า การบริหารจัดการวัคซีนของจังหวัดกระบี่นั้นได้มีการวางแผนดำเนินต่อเนื่อง แต่เนื่องรัฐบาลได้กำหนดให้จังหวัดกระบี่เป็นส่วนหนึ่งในการเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 แต่จังหวัดกระบี่ได้รับวัคซีนมาเพียงจำนวนน้อยก็ต้องกระจายไปยังพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่จังหวัดกำหนดไว้ก่อน ซึ่งจังหวัดกระบี่มีความต้องการวัคซีนถึง 700,000 โดส แต่จนถึงขณะนี้ได้รับเพียง 50,000 โดสเท่านั้น ไม่ถึงร้อยละ 10 ของประชากรในจังหวัดกระบี่ 

หากจังหวัดกระบี่ได้รับวัคซีนตามที่กำหนดไว้ก็สามารถเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อจังหวัดกระบี่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ จังหวัดกระบี่ก็จะเปิดรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน แต่เฉพาะนักท่องเที่ยวคนไทย ภายใต้เงื่อนไขนักท่องเที่ยวเหล่านั้นได้รับการฉีดวัคซีนซีโนแวค 2 เข็มหรือแอสตร้าเซนิก้า 1 เข็ม โดยจะไม่รอให้ได้วัคซีนตามโควตาที่จังหวัดกระบี่ขอไว้