คอนเสิร์ต…เล็ก ๆ ไม่ คอนเสิร์ตใหญ่ ๆ GMM SHOW ทำ

ยุทธนา บุญอ้อม
สัมภาษณ์

สถานะของ “โควิด-19” กำลังจะถูกปรับเปลี่ยน จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ตามมติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่เตรียมจะประกาศอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ และคาดว่าจะเริ่มมีผลตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกที่จะทำให้กิจกรรมงาน คอนเสิร์ต งานมิวสิก เฟสติวัล ทั้งศิลปินไทยและต่างประเทศ ที่ไม่ได้จัดงานมากว่า 2 ปีเต็ม กลับมาคึกคักมากขึ้น

ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ “ยุทธนา บุญอ้อม” รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส-หน่วยงาน Showbiz Senior Executive President-Show บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ถึงภาพรวมธุรกิจคอนเสิร์ตและทิศทางการจัดงานจากนี้ไป

Q : ตอนนี้งานคอนเสิร์ตเริ่มฟื้นกลับมาแล้ว

หลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย ภาพบรรยากาศการจัดงานคอนเสิร์ตมีความคึกคักมาก จะเห็นว่าฝั่งผู้จัดประกาศจัดงานไม่เว้นวัน ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตไทย ต่างประเทศ และมิวสิกเฟสติวัลต่าง ๆ ในช่วงแรกยอมรับว่าค่อนข้างดีใจที่มีงานคอนเสิร์ตเข้ามาจำนวนมาก

แต่พักหลังเริ่มรู้สึกว่าเข้ามามากเกินไป ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า อาจมีการแย่งเม็ดเงินในกระเป๋าคนดู แต่เป็นเรื่องปกติของวงการ เนื่องจากบางงานถูกเลื่อนมาจากปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานที่เตรียมไว้นานแล้ว พอถึงเวลาที่เริ่มคลี่คลายจึงทยอยจัดงานพร้อม ๆ กัน

โดยรวมแล้วเป็นสัญญาณที่ดี ถึงแม้มาตรการจัดงานคลี่คลายไปมาก แต่ทุก ๆ ครั้งที่มีการจัดงาน จะเป็นบทเรียนให้ผู้จัดงานต่อ ๆ ไป ให้ค่อย ๆ ทยอยปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานไปเรื่อย ๆ เชื่อว่าเข้าช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 น่าจะใกล้เคียงการกลับมาสู่การจัดงานปกติมากที่สุดแล้ว

Q : ในฐานะผู้จัดกังวลอะไรบ้างหรือไม่

ไม่ค่อยกังวล เพราะผ่านช่วงที่หนักกว่านี้มาแล้ว จนถึงขั้นจัดงานไม่ได้เลย แต่ขณะนี้เมื่อเริ่มจัดได้ ได้นำบทเรียนที่ได้เรียนรู้กันมา ว่าสิ่งไหนทำได้ ทำไม่ได้ ที่สำคัญทุกครั้งที่เราจะจัดงาน ได้เตรียมแผนสำรองไว้ เผื่อใจเอาไว้เสมอว่า ถ้ามีการปรับเปลี่ยนก็ต้องปรับเปลี่ยนให้ทัน

Q : ความยากง่ายของการจัดงาน ก่อนและหลังโควิด แตกต่างกันอย่างไร

ถ้าเอาแบบตรงไปตรงมา ทีมโปรดักชั่นเหมือนได้เรียนรู้กฎหมายมากขึ้น เหมือนกับต้องไปเข้าคอร์สเรียนรู้กันใหม่ เพราะมีกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย ถ้าเทียบกับก่อนโควิด ที่ยังเป็นกฎเดิมที่ใช้กันมาเป็นสิบ ๆ ปี แทบไม่ต้องไปเปิดตำราดูแล้ว แต่เมื่อมีโควิดเข้ามาก็ต้องมีการเช็กกฎระเบียบทุกครั้งเมื่อจัดงาน

จนถึงวันนี้ทุกอย่างมันคลี่คลายไปมากแล้ว เรียกว่าเกือบจะเป็นปกติ ทำให้เหลือสิ่งที่แตกต่างจากช่วงก่อนโควิดไม่มาก ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนคุ้นเคยอยู่แล้ว เช่น โชว์หลักฐานการฉีดวัคซีน สวมใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่แออัด นอกนั้นแทบจะปกติแล้ว

Q : หัวใจหลักของ GMM SHOW

อาจจะต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีที่สุด เพื่อให้อีเวนต์คอนเสิร์ตน่าสนใจ และต้องมีแผนเรื่องการโปรโมตงานคอนเสิร์ต ทั้งในแง่ของวัน สถานที่ และการตั้งราคาบัตร ที่ทีมงานต้องประเมินสภาพตลาดให้ละเอียดขึ้น ว่าเราประกาศขายบัตรชนกับผู้จัดค่ายไหนหรือไม่ เพราะในบางงานแค่ขายบัตรช้าไป 3 วัน ผลลัพธ์อาจจะเปลี่ยนไปเลย

ยอมรับว่าจะมีความยากตรงนี้ พอคู่แข่งมันเยอะ และงานส่วนใหญ่เราเป็นมิวสิกเฟสติวัล ในมุมหนึ่งไลน์อัพอาจจะซ้ำกันกับงานอื่น ๆ ดังนั้น เราต้องไปเข้มข้นเรื่องคอนเซ็ปต์ของงาน สร้างความแตกต่าง ทำให้บางงานของจีเอ็มเอ็มโชว์ จึงต้องมีระบบเงินผ่อน ที่มาจากการสำรวจตลาด พบว่ากลุ่มคนดูจำนวนไม่น้อยเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือเป็นกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน

บางครั้งเงิน 1,600 บาท อาจเป็นการตัดสินใจที่ยากในบางคน ผู้จัดงานจึงเพิ่มความสะดวก เปิดให้ชำระค่าบัตรเป็นงวด ๆ ได้ ผ่อนหมดจะมีบัตรส่งไปให้ถึงบ้าน ไม่มีดอกเบี้ย แม้ช่วงแรก ๆ ระบบการผ่อนอาจยังไม่ราบรื่นมากนัก แต่ขณะนี้ได้ปรับปรุงระบบให้สะดวกและรวดเร็ว เพื่อให้คนดูตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

แต่ในที่สุดแล้ว มันไม่มีวิธีไหนที่สมบูรณ์แบบ เพราะยังต้องวัดกันว่า สิ่งที่เราทำอยู่นั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชมได้อย่างตรงจุดหรือไม่ เพราะปัจจุบันพฤติกรรมคนดูจะต้องเลือกในสิ่งที่ถูกใจที่สุด ถ้าเป็นสิ่งที่ชอบจริง ๆ ราคาอาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญในการตัดสินใจ

Q : ช่วงเวลาที่เหลือของปี เตรียมจัดงานคอนเสิร์ตไว้มากน้อยแค่ไหน

คอนเสิร์ตที่เพิ่งจบไปคือ ตัน Fight ตัน VARITY CONCERT และ The Concert Application presents MARATHON CONCERT FEST ส่วนเดือนกันยายนที่กำลังจะถึงจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวที่อิมแพ็ค อารีน่า (เมืองทองธานี) อาทิ ก้อง สหรัถ และหนุ่ม วงกะลา ตามด้วยเดือนตุลาคมจะมี The Gentlemen Live 2 และวงเคลียร์ และเดือนพฤศจิกายนเข้าสู่เทศกาลคอนเสิร์ตเฟสติวัล ได้แก่ เชียงใหญ่เฟส, Monster Music Festival, นั่งเล่น และบิ๊กเมาน์เท่น มิวสิค เฟสติวัล 2022 ที่กำลังจะประกาศขายบัตรในวันที่ 1-2 ก.ย.นี้ ราคา 1,600 บาท

เรียกว่าเป็นงานใหญ่ทุกงาน โดยเฉพาะบิ๊กเมาน์เท่น มิวสิค เฟสติวัล 2022 ภายใต้คอนเซ็ปต์งาน “มันใหม่มาก” ที่ใช้งบฯลงทุนมากสุดตั้งแต่จัดมา เพื่อใช้สำหรับการเตรียมพื้นที่ ระบบสาธารณูปโภคห้องน้ำ ที่จอดรถ รวมถึงค่าตัวศิลปิน โปรดักชั่นดีไซน์ จากที่ทุกคนเคยบอกว่ามันใหญ่มาก ปีนี้ใหญ่เพิ่มขึ้นไปอีก โดยได้ดีไซน์แลนด์มาร์กใหม่ทั้งหมด ควบคู่กับเพิ่มพื้นที่จัดงาน จากเดิมใช้พื้นที่ 500 ไร่ เพิ่มเป็น 600 ไร่ รองรับจำนวนผู้เข้างานได้มากถึง 8 หมื่นคน มีทั้งหมด 9 เวที พร้อมเปิดตัวเวทีใหม่ เมาน์เท่น ที่จะมาแทนเวทีชิงช้าสวรรค์ ตลอดจนไลฟ์อัพศิลปินที่มีทุกสไตล์ หลากหลายรูปแบบ

ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจากฐานข้อมูลซีอาร์เอ็มของบริษัท พบว่าผู้เข้าร่วมงานจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลประมาณ 40% ในพื้นที่ใกล้เคียงสถานที่จัดงาน 30% มีอายุ 21-29 ปีขึ้นไป

ที่สำคัญคือ การเข้าร่วมงานต้องมีประวัติวัคซีนอย่างน้อย 2 เข้ม ตรวจ ATK ก่อนเข้าพื้นที่ และเมื่อเข้ามาในงานก็ต้องสวมหน้ากาก เพื่อความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นภายในงาน

Q : ต้นทุนการจัดงานเพิ่มขึ้น ทำไมถึงเลือกขายบัตรราคา 1,600 บาท

ในแง่การลงทุน ถ้าเทียบตั้งแต่ปีแรกของการจัดงาน ต้นทุนสูงทะลุเพดานไปแล้ว ยอมรับว่ามีการขยับขึ้นราคาบัตรเล็กน้อย เนื่องจากบิ๊กเมาน์เท่นจำหน่ายบัตรเริ่มต้นมาด้วยราคานี้หลายปีจึงพยายามตรึงเอาไว้ก่อน แต่ในอนาคตอาจมีการขยับราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เราเข้าใจสภาพเศรษฐกิจกำลังซื้อ ปัญหาต่าง ๆ ที่ทุกคนได้รับผลกระทบมาตลอด 2 ปี คงไม่ใช่โอกาสที่จะมาขึ้นราคาบัตร แต่สิ่งที่ต้องทำคือหาแนวทางให้ผู้คนตัดสินใจซื้อได้ง่ายที่สุดมากกว่า

ด้านรายได้จากสปอนเซอร์ สัดส่วนยังเท่าเดิมมาทุก ๆ ปี และไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยมีสปอนเซอร์รายเดิม ๆ ทั้งกลุ่มเครื่องดื่ม สินค้าต่าง ๆ แต่ละบริษัทอาจมีการใช้เม็ดเงินด้านนี้ลดลงตามสภาพตลาด

ประเมินว่า ช่วงต้นปี 2566 การจัดงานจะกลับมาสู่สภาพปกติ 100% และจะเห็นความเคลื่อนไหวของงานคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศเข้ามาเต็มไปหมด