เวิร์คพอยท์จับมือเซ็ปเป้ ตั้ง WOPE บุก “ฟู้ด-ดริงก์”

WOPE เซปเป้ เวิร์คพอยต์

เวิร์คพอยท์จับมือเซ็ปเป้ จัดตั้งบริษัท WOPE ลุยตลาดอาหาร-เครื่องดื่มเต็มสูบ เตรียมออกสินค้าใหม่วางขายในไตรมาส 4 หลังเปิดตัวลูกอมครูเพ็ญศรี ทดลองตลาดได้รับการตอบรับอย่างดี พร้อมใช้ความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่ายมาต่อยอดทำการตลาด eatertainment ครบวงจร หวังขยายกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าปี 2566 สร้างรายได้รวม 200 ล้าน

นายธนศักดิ์ หุ่นอารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเทนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK เปิดเผยว่า จากนี้เป้าหมายของเวิร์คพอยท์ คือต้องการต่อยอดไปยังธุรกิจน็อนมีเดียให้มากขึ้น ผ่านการจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็นแบรนด์ที่แข็งแรง เพื่อมาพัฒนาโปรดักต์ใหม่ทั้งในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยในมุมของเวิร์คพอยท์นั้นต้องการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่เป็นพาร์ตเนอร์ ด้วยสัดส่วนประมาณ 20% ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพูดคุยอีก 2-3 ราย และวางงบฯลงทุนในส่วนนี้ไว้ 800 ล้านบาท

ล่าสุดเวิร์คพอยท์ได้ส่งบริษัทย่อย บรอดคาสติ้ง จำกัด เข้าร่วมทุนกับบริษัท เซ็ปเป้ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัดซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเซ็ปเป้ และจัดตั้งบริษัท โวป จำกัด ขึ้นมาเพื่อพัฒนา ผลิตสินค้า ทำการตลาด รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม โดยเซ็ปเป้ถือหุ้นเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ส่วนเวิร์คพอยท์ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 40 คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 50 ล้านบาท

การถือหุ้นดังกล่าว จะช่วยสร้างการเติบโตของธุรกิจ และเป็นการต่อยอดด้านน็อนมีเดียมากขึ้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนกระบวนการดำเนินงานต่าง ๆ ระหว่างกัน

ทั้งนี้ก็เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มในไทยครึ่งปี 2565 เริ่มกระเตื้องขึ้น 1% จากปัจจัยการเปิดประเทศ ประกอบกับสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลายลง แม้อาจยังไม่เติบโตตามที่คาดการณ์ เนื่องจากยังมีปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภค แต่คาดการณ์ว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นในไตรมาส 3-4 นี้

ขณะเดียวกันถือเป็นการต่อยอดจากก่อนหน้านี้ที่เวิร์คพอยท์ นำจุดแข็งอย่างตัวละคร “ครูเพ็ญศรี” จากซิตคอมเรื่องตลกหกฉาก ที่ออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์มาต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ลูกอม 2 รสชาติ วางจำหน่ายช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา ในช่องทางร้านสะดวกซื้อ และถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 40 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากนี้ยังต้องปรับปรุงโครงสร้างราคาให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับขยายช่องทางจำหน่ายไปยังตลาดเทรดิชั่นนอลเทรด

ส่วนกลยุทธ์หลักของธุรกิจมีเดียจะเป็นการมุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่างของรายการวาไรตี้ใหม่ในช่วงไพรมไทม์ โดยในไตรมาส 4 ปี 2565 จะมีรายการใหม่อีก 3-4 รายการ ซึ่งที่ผ่านมารายการร้องข้ามกำแพงสามารถสร้างความสำเร็จครองเรตติ้งและทำรายได้สูงสุดในช่วงไพรมไทม์ โดยปัจจุบันภาพรวมรายได้ของบริษัท แบ่งสัดส่วนเป็นรายได้จากทีวี 80% อีเวนต์และน็อนมีเดีย 20%

ด้านนางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า การจับมือกับเวิร์คพอยท์ในครั้งนี้ นับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ สำหรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน บริษัทโวป มีแผนพัฒนาสินค้าใหม่ ประมาณ 2-3 รายการต่อปี เช่น ลูกอม กาแฟ โดยจะเน้นสร้างกิมมิกให้แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่น ๆ ในตลาด โดยเซ็ปเป้จะรับหน้าที่ดูแลเรื่องนวัตกรรมของกลุ่มสินค้าให้มีความแปลกและแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่แล้วในตลาด

ขณะที่เวิร์คพอยท์จะทำหน้าที่ดูแลเรื่องการสื่อสารและการตลาด ให้ไปถึงกลุ่มลูกค้าและเพิ่มความน่าสนใจในผลิตภัณฑ์ผ่านเครื่องมือต่าง ๆ ที่เวิร์คพอยท์มีให้ครอบคลุมในทุกแพลตฟอร์ม ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ควบคู่กับการนำครูเพ็ญศรีมาสื่อสารตัวผลิตภัณฑ์ โดยอาจมีการใช้ครีเอทีฟที่มาจากเวิร์คพอยท์ รวมถึงการใช้นักแสดงในสังกัดมาสร้างสีสันให้กับสินค้า หรือเรียกว่ากลยุทธ์ eatertainment

ด้านช่องทางจำหน่ายจะเน้นวางจำหน่ายทั้งโมเดิร์นเทรดและเทรดิชั่นนอลเทรด รวมถึงส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV โดยในอนาคตอาจขยายไปในกลุ่มลูกค้าของเซ็ปเป้ประเทศอื่น ๆ หากผลิตภัณฑ์สามารถตอบโจทย์ประเทศนั้น ๆ ได้

ทั้งนี้ตั้งเป้ายอดขายของการร่วมมือครั้งนี้อยู่ที่ 200 ล้านบาท ในปี 2566 โดยจะมาจากกลุ่มลูกอมครูเพ็ญศรีที่มีการวางจำหน่ายแล้ว และสินค้าใหม่อีก 2 กลุ่มที่กำลังจะออกจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้และต้นปี 2566 มั่นใจว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้และกลยุทธ์ eatertainment จะช่วยต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตได้ในอนาคตแน่นอน