วอลล์ เกาะกระแสรักษ์โลก ลงทุนใช้รถอีวีขนส่งไอศกรีม

รถพลังงานไฟฟ้าวอลล์

วอลล์ประเทศไทย เดินหน้าปฏิบัติการรักษ์โลก ประกาศเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกควบคุมอุณหภูมิขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ขนส่งไอศกรีมเป็นรายแรกในไทย ชูความสำเร็จสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 76% เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากฟอสซิล เตรียมเดินหน้าต่อยอดเพิ่มรถพ่วงและจำนวนรถขนส่งในปี 2023 คาดสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 322 ตันต่อปี

นายอะบิจิต กุลคาลนิ ผู้อำนวยการธุรกิจไอศกรีมประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปิดเผยว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนสู่เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2039 ตามพันธสัญญาของยูนิลีเวอร์ประสบความสำเร็จ วอลล์ประเทศไทยได้ผลักดันให้มีการใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าประเภทควบคุมอุณหภูมิด้วยตู้แช่แข็ง เป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ซึ่งเป็นการใช้พลังงานสะอาดในการขนส่งไอศกรีมเป็นรายแรกในไทย

โดยการใช้รถพลังงานไฟฟ้า (EV) มาทดแทนครั้งนี้ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 76% เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปกติ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการตอบโจทย์ความมุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืนในด้านการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพราะรถบรรทุกที่มีตู้แช่แข็งจะสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่ารถบรรทุกปกติ อย่างไรก็ตาม แม้วอลล์จะใช้การขนส่งที่เปลี่ยนไป แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะให้ความสำคัญกับสินค้าและประสบการณ์ที่ผู้บริโภคจะได้รับอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

“แม้เราจะเปลี่ยนมาใช้รถ EV ในการขนส่ง แต่บริษัทขอรับรองว่าคุณภาพและรสชาติของไอศกรีมวอลล์ยังคงอร่อยเช่นเดิม เพราะนอกจากรถจะใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนแล้ว ยังใช้ไฟฟ้าในการควบคุมระบบทำความเย็นสำหรับแช่แข็งไอศกรีม ให้คงอุณหภูมิอยู่ระหว่าง -20 ถึง -22 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาผลึกน้ำแข็งให้มีขนาดเล็ก ให้ไอศกรีมคงรสชาติและความเนียนของเนื้อสัมผัสจนส่งมอบถึงมือผู้บริโภค และมีระบบสำรองควบคุมอุณหภูมิของไอศกรีมไม่ให้ละลายอีกด้วย”

นายอะบิจิตกล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดเพื่อขนส่งไอศกรีมในช่วงแรกจะมีต้นทุนที่สูงกว่าการใช้น้ำมัน แต่วอลล์เชื่อว่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยในปีนี้จะเริ่มใช้รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าจำนวน 2 คัน ในการขนส่งไอศกรีมจากโรงงานย่านลาดกระบังไปยังคลังสินค้าย่านบางนา ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่น้อยกว่า 86 ตันต่อปี

และตามแผนงานในไตรมาส 1/2023 วอลล์มีแผนจะเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง โดยการเพิ่มปริมาณการบรรจุสินค้าในเที่ยววิ่งของรถ EV ทั้ง 2 คันให้บรรจุไอศกรีมได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า จากคันละ 15 ตัน เป็นคันละ 28 ตัน และในไตรมาส 2/2023 รถบรรทุกไอศกรีมทุกคันที่วิ่งระหว่างโรงงานผลิตถึงคลังสินค้าจะเปลี่ยนเป็นรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อมุ่งสู่จุดหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้กว่า 322 ตันต่อปี

การเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุก EV ในการขนส่งไอศกรีมเป็นหนึ่งในความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายของยูนิลีเวอร์ ซึ่งตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งของบริษัทให้ได้ 40-50% ภายใน 10 ปีข้างหน้า โดยใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในการขนส่ง เช่น Hydrogen fuel cell และ Battery Electric Vehicles (BEVs) และเร่งหาเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นพลังงานสะอาดในการขนส่งผลิตภัณฑ์แช่เย็นและแช่แข็ง การใช้รถบรรทุก EV ขนส่งไอศกรีมของวอลล์ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานนี้

ทั้งนี้ ยูนิลีเวอร์มีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net zero emission) จากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2039 โดยครอบคลุมการจัดหาวัสดุที่ใช้จนถึงจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และมุ่งมั่นทำให้สำเร็จก่อนเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในปี 2050 ซึ่งนอกจากการใช้รถบรรทุก EV ขนส่งไอศกรีมแล้ว วอลล์ยังได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของไอศกรีมจากถ้วยพลาสติกเป็นกระดาษ ซึ่งย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และช่วยลดการใช้พลาสติกได้ถึง 51 ตันในปี 2021