“พริ้นซ์” กางแผนรุกเฮลท์แคร์ ขยายตลาด-ดึงคนไข้ CLMV

รพ.พริ้นซ์

“พริ้นซิเพิล แคปิตอล” กางแผนขยายเครือข่าย-ยกระดับธุรกิจโรงพยาบาล ดันพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ พิษณุเวช ปากน้ำโพ ขึ้นชั้น tertiary care เปิดเกมรุกดึงคนไข้จากประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมเดินหน้าเปิดคลินิกเวชกรรม “ใกล้บ้าน ใกล้ใจ” เพิ่ม เตรียมต่อยอด“ผิวดี คลินิก” สู่เวลเนส-สินค้าสกินแคร์

นายธานี มณีนุตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ผู้ประกอบโรงพยาบาลและธุรกิจสุขภาพ “เครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์” เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2566 ว่า ยุทธศาสตร์สำคัญจะมุ่งไปที่ขยายเครือข่ายและยกระดับธุรกิจโรงพยาบาล ที่จะเน้นเรื่องของการสร้างความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์ (excellent in medical field) ทั้งโรงพยาบาลที่อยู่ในกลุ่ม flagship & mature

โดยจะมีการลงทุนเพิ่มศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางให้มากขึ้น พร้อมกับการเสริมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาในเครือมากขึ้น เพื่อสู่เป้าหมายการเป็น top health care providers ในจังหวัดนั้น ๆ และจังหวัดใกล้เคียง

นายธานี มณีนุตร์

ยกตัวอย่าง รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, พิษณุเวช พิษณุโลก รวมถึงที่ปากน้ำโพ ที่จะยกระดับให้เป็น tertiary care จะมีการจัดตั้งศูนย์เฉพาะทาง มีการลงทุนเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความทันสมัยมากขึ้น และอีกธุรกิจหนึ่งที่บริษัทจะให้ความสำคัญมากขึ้นก็คือ การฟื้นฟูผู้ป่วยทางด้านหลอดเลือดสมอง โดยปี 2566 นี้จะหา strategic partner รวมถึงการขยายธุรกิจโมเดลใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเฮลแคร์เพื่อเพิ่มความเติบโตให้กับเครือ

นายธานีกล่าวต่อไปว่า พร้อมกันนี้ก็จะมีการขยายฐานกลุ่มลูกค้าของแต่ละสาขาให้กว้างมากขึ้น ทั้งในจังหวัดนั้น ๆ และจังหวัดใกล้เคียง เฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นที่อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สกลนคร ก็จะมีการจัดตั้งศูนย์รับ-ส่งต่อผู้ป่วย รวมถึงการเพิ่มคนไข้ที่มาจากกลุ่มคนไข้ต่างชาติ หรือกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม รวมถึงการใช้บริษัทตัวแทน (agency) ในการที่จะส่งคนไข้ต่างชาติเข้ามารักษาในโรงพยาบาล

“ในอนาคตเราก็มุ่งหวังที่จะขยายโรงพยาบาลไปที่ภาคต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้เรากำลังพยายามสร้างเครือข่ายเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นภาคอีสาน รวมถึงภาคใต้ และมีนโยบายในการที่จะทำโรงพยาบาลอยู่ในต่างจังหวัด ในหัวเมืองรองต่าง ๆ เพื่อที่จะเข้าถึงชุมชนให้มากขึ้น”

นายธานียังกล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันก็จะมีการยกระดับการให้บริการ นอกจากการรักษาที่ครบถ้วนสมบูรณ์และมีคุณภาพแล้ว ในแง่ของบริการก็จะต้องดีและมีคุณค่า โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย เพื่อเป็นการเน้นย้ำคอนเซ็ปต์ Beyond The Pill เพื่อทำให้คนไข้ที่เข้ามารับการรักษาแล้วได้ประสบการณ์ที่ดี ๆ กลับเข้าไป และเนื่องจากโรงพยาบาลในเครือพริ้นซ์ มีอยู่จำนวนมาก (13 โรง) และมีทั้งกลุ่ม young & growth กลุ่มที่เป็น flagship & mature กลุ่มที่เป็น new S-curve รวมถึงกลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ

บริษัทจะเพิ่มการกระจายอำนาจให้แต่ละกลุ่มธุรกิจ กลุ่มโรงพยาบาลที่มีลักษณะจำเพาะของตัวเองให้มีการบริหารจัดการที่คล่องตัวมากขึ้น ด้วยนโยบาย Centralize to Localize Strategy

สำหรับกลุ่มธุรกิจเฮลแคร์อื่น ๆ มีแผนจะขยายคลินิกเวชกรรม ใกล้บ้าน ใกล้ใจ ซึ่งเป็นคลินิกบัตรทอง เพิ่มอีกประมาณ 19 แห่ง บางแห่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง บางส่วนได้รับใบอนุญาตแล้ว จากเดิมมีประมาณ 16-17 สาขา กระจายตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และมีสัญญากับสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการที่จะเปิดรับคนไข้และดูแลคนไข้ที่ใช้สิทธิบัตรทองในเขตกรุงเทพฯ

ส่วนกลุ่มธุรกิจความงาม หลังจากเมื่อช่วงไตรมาสแรก ปี 2565 ที่ผ่านมา ได้เข้าไปลงทุนในบริษัท ผิวดีคลินิก เอสเธติคส์ จำกัด หรือ PEWDEE Clinic มีแผนจะเปิดเพิ่มในพื้นที่ของโรงพยาบาล ตั้งเป้าขยายสาขา 7 แห่งภายในปี 2568 อาทิ รพ.พริ้นซ์ ปากน้ำโพ (จ.นครสวรรค์), รพ.พิษณุเวช (จ.พิษณุโลก) และ รพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี (จ.อุบลราชธานี) จากปัจจุบัน ผิวดีคลินิก มีประมาณ 10-11 สาขาในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล อาทิ สยามพารากอน, ไอคอนสยาม, เซ็นทรัล ชิดลม, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัล พระราม 3, เซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีแผนจะต่อยอดไปสู่ธุรกิจ wellness รวมถึงผลิตภัณฑ์สกินแคร์ในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็อยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนา


“นโยบายสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเป็นโรงพยาบาลแห่งความยั่งยืน หรือว่า sustainable hospital รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ในการที่จะดูแลสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นเรื่องของเกี่ยวกับ ESG (environment, social และ governance) ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำคาร์บอนฟุตพรินต์ การทำ net zero (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์) รวมทั้งการดำเนินการร่วมกับทางบริษัท ราช กรุ๊ป ในการที่จะติดตั้ง solar rooftop ตามโรงพยาบาลในต่างจังหวัด” นายธานีกล่าว