แอลจี ปลื้มรายได้ปี 2565 ทุบสถิติทะลุ 80 ล้านล้านวอน

LG Store

แอลจี เผยเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมี่ยม-ชิ้นส่วนยานยนต์โตแรงหนุนรายได้รวม 83.5 ล้านล้านวอน พร้อมกำไรอีก 3.6 ล้านล้านวอน เร่งบริหารจัดการต้นทุน-เทลเลอร์เมดโซลูชั่นเพิ่มกำไร-รายได้

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 แอลจี อีเลคทรอนิกส์ อิงก์ (แอลจี) ประเทศเกาหลีใต้ เผยผลประกอบการประจำปี พ.ศ. 2565 ที่ 83.5 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.21 ล้านล้านบาท) โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 3.6 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 9.54 หมื่นล้านบาท)

ยักษ์อิเล็กทรอนิกส์ย้ำว่า ตัวผลประกอบการนี้สูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยเป็นครั้งแรกที่ผลประกอบการประจำปีมีมูลค่าสูงกว่า 80 ล้านล้านวอน อีกทั้งยังเติบโตขึ้น 12.9% จากปี พ.ศ. 2564 ซึ่งมียอดขายกว่า 70 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 1.86 ล้านล้านบาท)

การเติบโตนี้เป็นผลจากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบบพรีเมี่ยม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ โดยยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีการเติบโตสูงต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ขณะที่ธุรกิจโซลูชั่นชิ้นส่วนยานยนต์ของบริษัทฟื้นตัวจนทำรายได้เกิน 10% ของรายได้รวมเป็นครั้งแรก

ขยายธุรกิจทีวีพรีเมี่ยม

กลุ่มธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีผลประกอบการปี พ.ศ. 2565 ที่ 15.7 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 4.16 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 5.4 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.43 ร้อยล้านบาท)

แม้ว่าความต้องการทีวีที่ลดลงทั่วโลกจะส่งผลต่อรายได้และผลกำไรจากการดำเนินงานเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2564 แต่ธุรกิจคอนเทนต์และการบริการบนแพลตฟอร์มสมาร์ททีวีของแอลจีก็เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561

โดยบริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจแพลตฟอร์มสมาร์ททีวีเพื่อเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มธุรกิจ และเร่งผลักดันการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ แอลจีจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันด้วยการขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ทีวีพรีเมี่ยม เช่น ทีวี OLED และทีวี QNED และบริหารงบประมาณการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

เร่งบริหารต้นทุนเพิ่มกำไรชิ้นส่วนยานยนต์

กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์มีผลประกอบการเพิ่มขึ้น 29.1% ในปี พ.ศ. 2565 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2564 ด้วยผลประกอบการมูลค่า 8.6 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.28 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีที่ 169.6 พันล้านวอน (หรือประมาณ 4.49 พันล้านบาท)

การเติบโตของผลกำไรดังกล่าวได้แรงหนุนจากความต้องการใช้รถยนต์ที่สูงขึ้น มูลค่าการสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์สะสม ณ สิ้นปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่ประมาณ 80 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.12 ล้านล้านบาท) ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก

ทั้งนี้ แอลจีจะยังคงมุ่งมั่นเสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรผ่านการจัดสรรโครงสร้างต้นทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

โฟกัสเทลเลอร์เมดโซลูชั่น

กลุ่มธุรกิจโซลูชั่นสำหรับองค์กรสร้างผลประกอบการในปี พ.ศ. 2565 ที่ 6.1 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 1.62 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 11.2% จากปีก่อน โดยเป็นผลจากการฟื้นตัวของดีมานด์หน้าจออินฟอร์เมชั่นดิสเพลย์

ในขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีลดลง ซึ่งเป็นผลจากความต้องการด้านการใช้คอมพิวเตอร์และจอภาพชะลอตัวในวงการธุรกิจลดลงตามสถานการณ์โรคระบาด

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทจะมุ่งยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และจอภาพ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตในกลุ่มธุรกิจ B2B อย่างมั่นคง ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กรอย่างต่อเนื่อง