“วอริกซ์” ก้าวข้ามสปอร์ตแวร์ กางโรดแมปยึดตลาดอาเซียน

วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล

รายได้จากการขายและบริการ ไตรมาส 1/2566 ที่เติบโตถึง 30% ของ “วอริกซ์ สปอร์ต” จากการเติบโตของยอดขายทั้งกลุ่มสินค้า licensed และกลุ่ม non-licensed ในทุกช่องทางการขายหลัก ปัจจัยจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมและการแข่งขันกีฬากลับมาจัดงานได้ตามปกติ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ “วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูล-แผนการดำเนินงานกับนักลงทุน ในงาน Opportunity Day ส่วนหนึ่งดังนี้

“…ภายในปี 2026 หรือจากนี้ไปอีก 4 ปี ตั้งเป้าจะทำยอดขายให้ได้ 2,700 ล้านบาท จากปี 2565 ที่ปิดยอดขาย 1,074 ล้านบาท”

พร้อมกันนี้ “วิศัลย์” ยังอธิบายด้วยว่า คีย์ในการสร้างการเติบโตดังกล่าว ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการทำไปแล้ว ซึ่งเป็นการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดสปอร์ตแวร์ ที่เริ่มจากเสื้อผ้าฟุตบอล ไปสู่ตลาดอื่น ๆ เช่น วิ่ง บาสเกตบอล กอล์ฟ ปิงปอง รวมถึงการให้น้ำหนักกับการเป็นสปอนเซอร์ชิป หรือผู้สนับสนุนทีมกีฬาต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น เร็ว ๆ นี้เพิ่งเซ็นสัญญากับสมาคมบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย สมาคมปิงปองแห่งประเทศไทย และการขยายไปสู่ตลาดอุปกรณ์กีฬา เช่น รองเท้ากีฬา กระเป๋ากีฬา รวมทั้งลูกฟุตบอลที่เป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ หรือมีมูลค่าตลาดรวมราว ๆ 30,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม รายได้ของกลุ่มสปอร์ตแวร์ ปัจจุบันหลัก ๆ จะมาจาก nonlicensed เป็นสัดส่วน 80% ส่วนอีก 20% มาจากกลุ่ม licensed ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าฟุตบอลทีมชาติไทย

นอกจากนี้ ยังจะขยายตัวไปสู่ตลาดที่เรียกว่า active & lifestyle ด้วยการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้มีความครอบคลุมมากขึ้น เช่น เสื้อผ้าที่ใส่ในชีวิตประจำวัน ยีนส์ สตรีตแวร์ ฯลฯ โดยมีแผนจะเปิด Warrix Lifestye@ Siam Square ที่สยามสแควร์ เป็นการยกระดับแบรนด์และผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดพรีเมี่ยม

“เป็นการขยับออกนอกเสื้อผ้ากีฬา ไปสู่ตลาดใหม่ เช่น ตลาดวัยรุ่น เป็นเสื้อที่ใส่ทุกวัน ไฮไลต์อย่างหนึ่งก็คือ การร่วมกับกอล์ฟ-ฟักกลิ้งฮีโร่ (ณัฐวุฒิ ศรีหมอก) แรปเปอร์ นักแต่งเพลง ศิลปินชื่อดัง เปิดตัวคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าแนวไลฟ์สไตล์ คอนเล็กชั่น FF (Fat & Furious)”

เป้าเป็นแบรนด์ลีดเดอร์อาเซียน

คีย์แมนสปอร์ตแวร์แบรนด์ดังย้ำว่า อย่างไรก็ตาม นโยบายการทำสปอนเซอร์ชิป ยังเป็นอาวุธหลักที่วอริกซ์จะเดินหน้าต่อไป ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และตั้งใจจะทำให้วอริกซ์เป็นแบรนด์ลีดเดอร์ในภูมิภาคอาเซียน โดยใช้โมเดลจากประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จ ในการขยายออกไปยังประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ มาเลเซีย และอีกไม่นานจะขยายไปที่กัมพูชา และตามต่อด้วยเวียดนามและประเทศอื่น ๆ ต่อไป

ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Premier Football ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาอันดับ 2 ของสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทไม่ได้มองเฉพาะตลาดในสิงคโปร์เท่านั้น แต่ยังได้ set up ให้สิงคโปร์เป็น regional marketing ของภูมิภาค ปัจจุบันทีมงานได้ไปเจรจากับสโมสรฟุตบอลในกัมพูชา 1 ทีม และในมาเลเซีย 1 ทีม ใกล้จะปิดดีลแล้ว

“ตอนนี้แลนด์สเคปทางธุรกิจเปลี่ยนไป วอริกซ์จะไม่เน้นการขยายสาขาเป็นจำนวนมาก แต่วอริกซ์ต้องการทำตลาดออนไลน์และทำให้แบรนด์ติดตลาด โดยจะเปิดแฟลกชิปสโตร์เพิ่มอีกเพียง 1 แห่งที่สยามสแควร์ คาดว่าจะเปิดปลายไตรมาสนี้หรือต้นไตรมาสหน้า จากเดิมที่สเตเดี้ยมวัน นอกจากนั้นจะเป็นในลักษณะของ channel ในเทรดิชั่นนอลเทรด โมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ และแฟลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ”

เพิ่มดีกรีบุกธุรกิจสุขภาพ

“ซีอีโอ” วอริกซ์ สปอร์ต ยังกล่าวถึงธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ ที่เริ่มทำมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ว่า หลัก ๆ เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก ด้วยการเปิดคลินิกกายภาพบำบัด ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในไตรมาส 2 และเป็นแฟลกชิปของศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา จากเดิมจะเปิดไตรมาสแรก แต่ดีเลย์ไป เพื่อรองรับดีมานด์จากกลุ่มผู้ที่มีปัญหาเรื่องออฟฟิศซินโดรม ผู้สูงอายุ นักกีฬา และไตรมาสแรกที่ผ่านมา ได้ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา Warrix Run Hub @ QSNCC ไปแล้ว จากเดิมที่มีคลินิกกายภาพวอริกซ์ Physiotherapy & Perforemance Studio ที่สเตเดี้ยมวัน

“คลินิกที่เปิดให้บริการจะมีเรื่องของการออกกำลังกาย ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกล้ามเนื้อ-เอ็น-ข้อ ทั้งแพทย์ นักกายภาพ ที่มีใบประกอบโรคศิลปะคอยดูแลให้คำปรึกษา ที่ผ่านมาผู้ที่เข้ามาใช้บริการ นอกจากนักกีฬาอาชีพแล้ว ยังมีผู้ที่ป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมที่มีเยอะมาก และอีกส่วนหนึ่งเป็นผู้สูงอายุ”

และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ซื้อสิทธิเครื่องหมายการค้าของ “Fit Junctions” สถาบันฝึกสอนการออกกําลังกายและโภชนาการ เพื่อเสริมแกร่งธุรกิจด้านสุขภาพและวิทยาศาสตร์การกีฬา และสร้างรายได้ให้บริษัทอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังมีแผนการจัดกิจกรรมงานวิ่ง Thailand Earth Trail ไตรมาส 2 ที่สระบุรี ตามด้วยไตรมาส 3 ระยอง และไตรมาส 4 ชัยภูมิ จากไตรมาสแรกที่จัดงานบุรีรัมย์ มาราธอน 2023 และ Pink Blue Run 2023 นอกจากนี้ยังมีแผนจะจัดกิจกรรมอื่น ๆ ทั้งกิจกรรมดนตรี อาหาร แคมปิ้ง รวมถึง Web 3.0 ที่เป็นการผนวกกับธุรกิจเมตาเวิร์ส ด้วยการจัดอีเวนต์ เช่น งานวิ่ง คอนเสิร์ต หรือการแข่งกีฬาบนโลกเสมือนคู่ขนานไปกับโลกจริง

ล่าสุด จะมีการลงทุนร่วมกับบริษัท นันยางการ์เม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนา innovation textile ให้กับแบรนด์กีฬาแบรนด์ต่าง ๆ รวมทั้งการตัดเย็บ เพื่อนำมาต่อยอดกับแบรนด์วอริกซ์ ทั้งสินค้าเดิมและออกสินค้าใหม่ ทั้งสปอร์ตแวร์และเสื้อผ้าไลฟ์สไตล์ เพื่อทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ


นี่เป็นโรดแมปเพียงบางส่วนในการผลักดันยอดขายของ “วอริกซ์ สปอร์ต” ให้เติบโตตามเป้าที่วางไว้