WARRIX ชูยุทธศาสตร์ 2566 ขยายไลน์กีฬา-สุขภาพ ปั้นรายได้

วอริกซ์ ขยายฐานสินค้ากีฬา หวังปั้นรายได้-สปริงค์บอร์ดรุกจีน-อาเซียน แย้มเดินสายดีลค่ายเพลงต่อยอดสินค้าแฟชั่น ด้านตลาดสิงคโปร์ตั้งเป้ารายได้ 3 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ พร้อมรุกต่อมาเลเซีย ส่วนธุรกิจสุขภาพวางเป้า 50 ล้านบาท

วันที่ 8 มีนาคม 2566 นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2566 นี้ตลาดสินค้ากีฬาและสินค้า-บริการสุขภาพ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น ผู้บริโภคที่สนใจและลงทุนทั้งเม็ดเงินและเวลากับสุขภาพมากขึ้น เนื่องจากประสบการณ์ช่วงโควิด-19 ระบาด สะท้อนจากปัจจุบันชาวไทย 42% ออกกำลังเป็นประจำ โดยส่วนใหญ่เป็นการวิ่งและเดิน ขณะที่งานวิ่งและอีเวนต์กีฬาต่าง ๆ กลับมาจัดอีกครั้ง

นอกจากนี้ เทรนด์การใส่ชุดกีฬาและรองเท้าสนีกเกอร์ในชีวิตประจำวันยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีดีมานด์สินค้าโออีเอ็มจากองค์กรต่าง ๆ อีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ปีนี้บริษัทจะเน้นยุทธศาสตร์ สู่ Active Lifestyle โดยสร้างการเติบโตจาก 2 ส่วน คือ การขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมกีฬาอื่น ๆ นอกเหนือจากฟุตบอล เพื่อขยายฐานลูกค้ารวมถึงเป็นฐานต่อยอดรุกตลาดต่างประเทศ พร้อมกับปั้นธุรกิจบริการสุขภาพ

“หากเทียบสัดส่วนคนไทย จะพบว่า 14 ล้านคน หรือ 20% เป็นแฟนฟุตบอล กลุ่มนี้จะสร้างโอกาสการเติบโตรายได้ส่วนของไลเซนส์หรือเสื้อทีมต่าง ๆ ขณะที่อีก 80% จะสร้างโอกาสให้กับสินค้านอนไลเซนส์ เช่น เสื้อแบรนด์วอริกซ์ หรือเสื้อโออีเอ็มให้เติบโตควบคู่กันไป” นายวิศัลย์กล่าว

ขยายไลน์สินค้า ไปไกลกว่าฟุตบอล

ด้านสินค้าจะโฟกัสสินค้าวิ่งที่เป็นตลาดขนาดใหญ่และกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด พร้อมกับทยอยขยายไลน์อัพกีฬาบาสเกตบอลซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ และกอล์ฟที่ฐานลูกค้ามีกำลังซื้อสูงสุด ปิงปอง โดยนอกจากเสื้อ กางเกงแล้ว ยังมีอุปกรณ์เทรนนิ่ง ฟุตแวร์ ไปจนถึงชั้นใน

ขณะเดียวกันยังขยายสินค้าออกไปยังวงการบันเทิง โดยเดินสายจับมือค่ายเพลงเพื่อผลิตสินค้าแฟชั่นเจาะกลุ่มแฟนคลับศิลปิน-งานอีเวนต์

“นอกจากรองรับดีมานด์ในประเทศแล้ว ในระยะยาวสินค้าสำหรับกีฬาเหล่านี้ยังเป็นหัวหอกสำคัญสำหรับรุกตลาดต่างประเทศด้วย เพราะแต่ละประเทศนิยมกีฬาแตกต่างกัน อย่าง จีนจะนิยมปิงปอง ส่วนฟิลิปปินส์จะนิยมบาสเกตบอล เป็นต้น”

พร้อมกันนี้จะเริ่มรุกตลาดสิงคโปร์ ด้วยการผลักดันสินค้าแบรนด์ วอริกซ์ เข้าสู่เชนร้านสินค้ากีฬา Premier Football ซึ่งบริษัทซื้อกิจการมาเมื่อช่วงต้นปี 2565 ช่วยให้ได้ช่องทางจำหน่ายรวมถึงฐานลูกค้าในสิงคโปร์ โดยวางเป้ารายได้ปีแรกที่ 3 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และอยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมายเมื่อทำธุรกิจค้าปลักชุดกีฬาในมาเลเซียคาดว่าจะเสร็จสิ้นในปีนี้

วางฐานบริการสุขภาพ

ในส่วนของ เฮลท์แคร์ ที่ปัจจุบันมีคลินิกกายภาพบำบัด และ Performance training Studio แล้วนั้นจะขยายสาขาและการให้บริการ ด้วยความร่วมมือจาก “Fit Junctions” สถาบันฝึกสอนการ ออกกำลังกายและโภชนาการ โดยจะเปิดคลินิกกายภาพสาขา 2 และศูนย์ฝึกกีฬาวิ่งที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ภายในไตรมาส 1 นี้ พร้อมปรับรูปแบบการบริการให้ลูกค้าเข้าใจและตัดสินใจใช้บริการง่ายขึ้น โดยแบ่งเป็น 4 ด้านคือ การรักษา ฝึกฝน ฟื้นฟู และการนอนหลับ คาดว่าจะสร้างรายได้ 50 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังวางฐานสำหรับต่อยอดฐานข้อมูลบิ๊กดาต้าของธุรกิจนี้ไปยังธุรกิจสุขภาพอื่น ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บริการสำหรับเสริมคุณภาพชีวิตสูงวัย การเจริญเติบโตของเด็ก และศักยภาพนักกีฬา

นายวิศัลย์คาดว่า รายได้จากธุรกิจใหม่ทั้ง Fit Junction และ Premier Football จะช่วยให้เสริมยอดขายของบริษัทในปีนี้ให้ เติบโตขึ้น โดยเฉพาะรายได้ที่มาจากช่องทางออนไลน์

ส่วนปัจจุบันยอดขายของบริษัทมาจากสินค้าไลเซนส์ (Sport Licensed) สัดส่วน 21% ที่เหลือ 78% เป็นสินค้าทั่วไป (Non-Licensed) และอีก 1% มาจากเป็นธุรกิจสุขภาพ (Health) ซึ่งการรุกธุรกิจด้านอื่น ควบคู่กันไปจึงจะทำให้บริษัทสร้างรายได้จากหลายหลายช่องทาง

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2565 WARRIX มีกำไรสุทธิ 128.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.53 ล้านบาท หรือ 752% จากงวดปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 14.2 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ในทุกช่องทางการขาย โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดที่คลี่คลายและรัฐบาลมีการเปิดประเทศส่งผลให้ กิจกรรมต่าง ๆ สามารถกลับมาจัดงานได้ตามปกติ ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน ประกอบกับประสิทธิภาพในการ บริหารต้นทุนที่บริษัทพยายามปรับปรุงในช่วงที่ผ่านมา