“ดองกี้” กำไรทุบสถิติ ท่องเที่ยวฟื้นดันยอดพุ่ง

Donki
คอลัมน์ : Market Move

ดอง ดอง ดองกิ หรือดองกิโฮเต้ (Don Quijote) เชนร้านค้าปลีกสัญชาติญี่ปุ่น แหล่งช็อปยอดฮิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ กำลังอยู่ในช่วงบูมสุดขีด หลังช่วงไตรมาสที่ผ่านมา (เม.ย.-มิ.ย. 66) บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิทำลายสถิติต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 เช่นเดียวกับกำไรจากการดำเนินงานทะลุ 1 แสนล้านเยนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า แพน แปซิฟิค อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ (Pan Pacific International Holdings) ผู้บริหารเชนร้านค้าปลีก ดอง ดอง ดองกิ หรือดองกิโฮเต้ (Don Quijote) รายงานผลประกอบการไตรมาส เม.ย.-มิ.ย. 66 ด้วยกำไรสุทธิสูงถึง 6.61 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้สถิติสูงสุดเป็นปีที่ 14 ติดต่อกันแล้ว

เช่นเดียวกับกำไรจากการดำเนินงานซึ่งทำสถิติออลไทม์ไฮหรือสูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัทมา และเป็นการมีกำไรทะลุ 1 แสนล้านเยน เป็นครั้งแรก ด้วยมูลค่า 1.05 แสนล้านเยน คิดเป็นประมาณ 2.54 หมื่นล้านบาท ทั้งหมดนี้มาจากรายได้จำนวน 1.9 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 4.6 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ยักษ์ค้าปลีก ยกความดีความชอบสำหรับการทุบสถิติในครั้งนี้ให้กับ 3 ปัจจัย คือ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามา การอ่อนค่าของเงินเยน ร่วมกับนโยบายยกเว้นภาษีสินค้าอุปโภค-บริโภคซึ่งสูงถึง 10% ให้กับนักท่องเที่ยวเมื่อยอดซื้อสูงกว่า 5,000 เยนต่อใบเสร็จ ซึ่งทางเชนโหมโปรโมตสร้างการรับรู้แบบเข้มข้นตลอดช่วงที่ผ่านมา ยิ่งจูงใจให้บรรดานักช็อปต่างชาติจับจ่ายใช้สอยในร้านกันอย่างเต็มที่จนเม็ดเงินสะพัด

และไม่เพียงช่วง เม.ย.-มิ.ย.เท่านั้น แต่ยอดขายของดองกิฯ ในไตรมาสก่อนหน้า (ม.ค.-มี.ค. 66) ยังเติบโตเช่นเดียวกัน ด้วยอานิสงส์จากการท่องเที่ยวในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ

สำหรับอันดับนักท่องเที่ยวที่มาช็อปแบบปลอดภาษีในดอง ดอง ดองกิมากที่สุดยังคงเป็นนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตามในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.ที่ผ่านมานั้น จำนวนนักช็อปจากไต้หวันเพิ่มมากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

สำหรับทิศทางหลังจากนี้ “นาโอกิ โยชิดะ” ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ แพน แปซิฟิค อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า บริษัทจะเดินหน้าฝ่ายุคเงินเฟ้อนี้ไปด้วยการพยายามสร้างกลยุทธ์ที่จะดึงลูกค้าให้กลับมาช็อปซ้ำให้บ่อยขึ้น พร้อมกับเพิ่มมูลค่าการจับจ่ายของลูกค้าต่อคนให้สูงยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลจีนปลดล็อกให้กรุ๊ปทัวร์จากจีนสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้อีกครั้ง น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกช่วยเพิ่มยอดขายในช่วงที่เหลือของปีงบฯนี้ให้มากขึ้นไปอีก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาสัดส่วนการช็อปปลอดภาษีจากนักท่องเที่ยวจีนลดลงจาก 40.5% ของรายได้ร่วมเมื่อปี 2562 เหลือเพียง 11.6% เท่านั้น จึงยังสามารถฟื้นตัวได้อีกมาก

โดยคาดว่าเมื่อสิ้นสุดปีงบฯ (มิ.ย. 67) บริษัทน่าจะสามารถทำยอดขายแบบปลอดภาษีได้ประมาณ 8 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ 1.94 หมื่นล้านบาท ในขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานจะยังอยู่ที่ 5% เท่ากับที่ผ่านมา

นอกจากการตั้งเป้ายอดขายแบบปลอดภาษีแล้ว แพน แปซิฟิคฯ ยังวางแผนขยายสาขาเพิ่มทั้งในญี่ปุ่น และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเพิ่มอีกอย่างน้อย 37 สาขา แบ่งเป็นในญี่ปุ่น 25 สาขา และในต่างประเทศ 12 สาขา

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารใหญ่ของแพน แปซิฟิคฯ ย้ำว่า ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะสามารถทำให้สาขาในต่างประเทศมีความสามารถทำกำไรได้สูงเท่าสาขาในญี่ปุ่น

ทั้งนี้ปัจจุบัน แพน แปซิฟิคฯ มีธุรกิจในหลายประเทศภายใต้ชื่อร้าน ดอง ดอง ดองกิ อาทิ ไทย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง ซึ่งมีการขยายสาขาในหลายประเทศต่อเนื่อง เช่นในไทย ปัจจุบันมีร้านดอง ดอง ดองกิ ในไทย 6 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนในสิงคโปร์มี 15 สาขา ด้านไต้หวันมี 2 สาขา และในฮ่องกงมี 10 สาขา