S&P กระหน่ำบิ๊กแคมเปญ ปั๊มยอด “เค้ก-มูนเค้ก” ขยายฟู้ดเซอร์วิส

เอสแอนด์พี

“เอส แอนด์ พี” แฮปปี้ ร้านอาหารคนแน่น ดันยอดขายพุ่ง ควบคุมต้นทุน-ค่าใช้จ่ายดี หนุนกำไรสูงสุดใน 7 ปี กางแผนกระหน่ำแคมเปญต่อเนื่องหวังปั๊มยอด ลุยขนมไหว้พระจันทร์-Friday Fair ตลาดนัดวันศุกร์ พร้อมยิงยาว 50 ปี 50 เมนู ไปจนถึงสิ้นปี จัดแคมเปญบูมเค้กปอนด์ มุ่งสร้างการเติบโตต่อเนื่อง เร่งสปีดธุรกิจค้าปลีกและการรับจ้างผลิต มั่นใจไตรมาส 3 โต 15-18%

ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ของบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ที่เติบโต 12% ด้วยรายได้รวมประมาณ 1,457 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 ล้านบาท หรือเติบโต 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้รายได้ในครึ่งปีแรก ปี 2566 มีมูลค่า 2,892 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 350 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน และกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกมีมูลค่า 194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14%

ไตรมาส 2 กำไรสูงสุดใน 7 ปี

นายวิทูร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมกับนายกำธร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการผลิต บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงาน Opportunity Day เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยย้ำว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมาการเติบโตค่อนข้างดี ขณะที่กำไรสุทธิก็เติบโตสูงสุดใน 7 ปี จากปกติที่ไตรมาส 2 จะเป็นไตรมาสที่ไม่ดีนัก หลัก ๆ มาจากการเติบโตของช่องทางการรับประทานที่ร้าน ที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 56% โดยเฉพาะในร้านที่เปิดให้บริการในศูนย์การค้าและโรงพยาบาล บวกกับยอดขายจากขนมไหว้พระจันทร์ในร้านสะดวกซื้อที่เพิ่มขึ้น

นายวิทูร ศิลาอ่อน
วิทูร ศิลาอ่อน

ขณะที่การบริหารจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารได้ค่อนข้างดี และสามารถลดผลกระทบจากราคาวัตถุดิบ โดยที่ยังคงมีเปอร์เซ็นต์กำไรขั้นต้นดีขึ้นกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย แม้ว่าจะมีวัตถุดิบหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น รวมถึงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงและพัฒนาการบริหารจัดการต้นทุนโรงงานผ่านระบบ LEAN production อย่างต่อเนื่อง และอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ เรื่องของ collaboration กับหน่วยงานภายนอก เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับสายการบิน และหน่วยงานภายใน เช่น มีการฝึกอบรมพนักงานระดับผู้จัดการในแต่ละสาขาทุก ๆ เดือน เพื่อพัฒนาการบริการอย่างต่อเนื่อง

กระหน่ำแคมเปญต่อเนื่อง

นายวิทูรยังกล่าวถึงแผนการทำตลาดในช่วงไตรมาส 3 นี้ว่า คีย์แคมเปญในช่วงไตรมาสที่ 3 หลัก ๆ จะมี 4 แคมเปญด้วยกัน โดยแคมเปญแรกซึ่งผ่านไปแล้วก็คือ แคมเปญเค้กวันแม่ วันที่ 12 สิงหาคม ที่ประสบความสําเร็จมาก สะท้อนจากอัตราการเติบโตของเค้กวันแม่ ที่ตัวเลขการเติบโตมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 40% โดยปีที่แล้วขายได้ประมาณ 9,500 จาน และปีนี้ขายได้เกือบ 14,000 จาน เติบโตทั้งในส่วนของ take away และดีลิเวอรี่

ล่าสุดขณะนี้ก็ได้เริ่มแคมเปญขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งถือเป็นแคมเปญใหญ่ประจำไตรมาสที่ 3 และของปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา และจะยาวไปจนถึงวันไหว้พระจันทร์ ที่ตรงกับวันที่ 29 กันยายน โดยปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 1.8 ล้านก้อน หรือเติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 20% ซึ่งหลังจากเปิดแคมเปญไปแล้ว และผ่านมาประมาณ 15-16 วัน ตัวเลขการขายก็สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ของทุกวัน จึงมั่นใจค่อนข้างมากว่าจะทะลุเป้าอย่างแน่นอน ส่วนแคมเปญอีกแคมเปญหนึ่ง S&P 50 ปี Friday Fair ตลาดนัดวันศุกร์ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ศุกร์ที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นการสมนาคุณให้กับลูกค้า ในโอกาสที่ปีนี้ครบรอบ 50 ปีของเอสแอนด์พี

“ที่ผ่านมาเรามีลูกค้าประมาณ 17 ล้าน บริษัทต้องการจะสมนาคุณ นอกเหนือจากการให้ส่วนลดพิเศษในทุก ๆ วันพุธที่มีอยู่เดิมและทำมานานแล้ว ด้วยการเพิ่ม Friday Fair ตลาดนัดวันศุกร์ขึ้นมา โดยมีทั้งการให้ส่วนลด ที่เป็นการลดราคาสินค้า 20% สำหรับ ขนม อาหาร เบเกอรี่ เครื่องดื่ม และสินค้ายกแพ็กราคาพิเศษ ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 4-5 ศุกร์ จากการเปรียบเทียบกับตัวเลขยอดขายในวันศุกร์ก่อนหน้าที่จะมีแคมเปญนี้ออกมา ก็พบว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณเกือบ 20% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ขณะเดียวกัน ก็จะมีผลอย่างมากกับการช่วยให้ตัวเลข take away เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

ส่วนอีกแคมเปญหนึ่งจะเน้นไปที่อาหาร ที่จะมีแคมเปญ 50 ปี 50 เมนู แคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมีส่วนสำคัญที่ช่วยทําให้ธุรกิจนั่งทานในร้านเติบโตมากถึง 56% และจะยังคงทำแคมเปญนี้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี นอกจากนี้ ในส่วนของเค้กปอนด์ เอส แอนด์ พี จะมีแคมเปญพิเศษออกมาในชื่อ แคมเปญ birthday นึกถึง cake วันเกิด นึกถึง S&P โทร. 1344 ซึ่งตอนนี้ได้มีการโฆษณาผ่าน billboard เพื่อทําให้เค้กปอนด์เติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกส่วนหนึ่งก็คือ snack box ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่สูงมาก ๆ เมื่อเทียบกับ 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็จะมีสื่อสนับสนุนทั้งออนไลน์และออฟไลน์เช่นกัน

เพิ่มดีกรีบุกฟู้ดเซอร์วิส

นายวิทูรยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากรายได้จากร้านอาหารในประเทศแล้ว ยุทธศาสตร์สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การให้ความสำคัญกับธุรกิจค้าปลีกและการรับจ้างผลิต (food service) มากขึ้น นอกจากกลุ่มสายการบิน ซึ่งมีการบินไทยเป็นลูกค้าหลัก ตอนนี้ก็มีลูกค้ารายใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่ม เช่น อเมซอน และอินทนิล ที่เพิ่งได้เข้ามาเพิ่ม นอกเหนือจากสเวนเซ่นส์ (ไมเนอร์ฟู้ด) สตาร์บัคส์ ที่มีอยู่เดิม โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท จาก 159 ล้านบาท เป็น 192 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากยอดขายขนมไหว้พระจันทร์ในร้านสะดวกซื้อ และการส่งออกไปต่างประเทศ รวมถึงเมนูอาหารไทยสำหรับสายการบิน และข้าวเหนียวทุเรียนในลูกค้า food chain ผ่านช่องทางรับจ้างผลิต

การส่งออกปัจจุบันน่าจะประมาณ 1% ของยอด หลัก ๆ ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมไทยแช่แข็ง ตลาดหลัก นอกจากสหรัฐอเมริกา ก็มียุโรป ออสเตรเลีย และจะมีการหาตลาดใหม่ ๆ ลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่ม เบื้องต้นอาจจะเป็นประเทศที่ใกล้ ๆ เช่น กัมพูชา เนื่องจากหากส่งออกไปไกล ๆ ต้นทุนการขนส่งค่อนข้างสูง

“จากแนวทางการรุกตลาดดังกล่าว คาดว่าสำหรับไตรมาส 3 น่าจะทำให้ยอดขายเติบโตต่อเนื่องประมาณ 15-18%”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รายได้ของเอส แอนด์ พี หลัก ๆ กว่า 82% มาจากร้านอาหารในประเทศ ส่วนอีกประมาณ 13% ธุรกิจค้าปลีกและการรับจ้างผลิต ส่วนอีก 5% มาจากร้านอาหารในต่างประเทศ