ยักษ์ส่งออกผ้าหนังเทียมแตกไลน์ธุรกิจ ปักธงคอมมิวนิตี้มอลล์ 1.1 หมื่น ตร.ม. ชิงตลาดค้าปลีกสมุทรสาคร ชูแม็กเนตทัพอาหารร้านดัง
วันที่ 20 กันยายน 2566 ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกผ้าหนังเทียมรายใหญ่ แตกไลน์รุกธุรกิจค้าปลีก ทุ่มงบฯพันล้านบาทเปิดตัวเดอะสเฟีย เพชรเกษม คอมมิวนิตี้มอลล์ ขนาด 1.1 หมื่น ตร.ม. บนถนนเพชรเกษม คาดเริ่มให้บริการไตรมาส 3 ปี 2567
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
นางสาวอัญรินทร์ ชลสายพันธ์ ผู้จัดการ บริษัท ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ เดอะสเฟีย เพชรเกษม กล่าวว่า ย่านเพชรเกษม-อ้อมน้อย เป็นทำเลที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีเส้นทางรถไฟฟ้าเข้ามาใกล้ ไม่ว่าจะเป็นสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสอง และบางซื่อ-ท่าพระ รวมถึงส่วนต่อขยายจากสถานีหลักสอง-พุทธมณฑลสาย 4 ที่จะสร้างในอนาคต
นอกจากนี้ยังเป็นย่านอุตสาหกรรมที่มีโรงงานแปรรูปส่งออกกว่า 9.3 พันแห่ง จึงมีผู้บริโภคจำนวนกว่า 8.5 หมื่นหลังคาเรือน แต่ยังไม่มีผู้ประกอบการค้าปลีกเข้ามาพัฒนาโครงการค้าปลีกแบบคอมมิวนิตี้มอลล์มาก่อน
บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท สร้างโครงการคอมมิวนิตี้มอลล์ในชื่อเดอะสเฟีย เพชรเกษม ขึ้นบริเวณซอยเพชรเกษม 124-126 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ด้วยพื้นที่ขนาด 1.1 หมื่น ตร.ม. รองรับร้านค้า 150 ร้าน และพื้นที่จอดรถ 550 คัน รวมถึงมีรถเมล์หลายสายผ่าน เช่น สาย 123, 157, 81 และ 539
โดยในโครงการจะเน้นพื้นที่โซนอาหารมากถึง 70% ของพื้นที่ขาย เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในรัศมี 5-10 กม. ที่เป็นผู้มีรายได้ระดับ B+ ขึ้นไป เช่น พนักงานบริษัท ข้าราชการ เจ้าของโรงงานในสมุทรสาครและนครปฐม ครอบครัวใหญ่ในจังหวัดใกล้เคียง นักท่องเที่ยว รวมถึงนักศึกษาจาก ม.เอเชียอาคเนย์ และมหิดล
ด้วยจุดแข็งอย่างไลน์อัพร้านอาหารชื่อดังของจังหวัด การจับมือกับจังหวัดเพื่อเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับแบรนด์ดังทั้งค้าปลีกและร้านกาแฟ เพื่อดึงมาปักธงสาขาในโครงการอีกด้วย
ด้านงานก่อสร้างหลังเริ่มงานในช่วงต้นปี ขณะนี้มีความคืบหน้า 40% เช่นเดียวกับการขายพื้นที่สามารถปิดดีลไปแล้ว 40% โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2566 นี้ และเปิดให้บริการประมาณกลางปี 2567
“คาดว่าเมื่อเปิดให้บริการจะสามารถดึงดูดลูกค้าในวันธรรมดาได้ประมาณ 3 พันคน/วัน และเพิ่มเป็น 5 พันคน/วันในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถคืนทุนได้ในเวลา 7-8 ปี โดยหากผลตอบรับดีจะพัฒนาเฟสสองบนที่ดินส่วนต่ออีก 12 ไร่ เพื่อเพิ่มโซนตลาดขายของสด”